Pocket WiFi

Pocket WiFi
Pocket WiFi แชร์เน็ทแรงได้ทุกที่ รายรื่นไม่มีสะดุด

เครื่องวัดความดัน

        เครื่องวัดความดัน

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

โรคความดันโลหิตสูง

เครื่องวัดความดัน

ความดันโลหิต คืออะไร
ความดันโลหิต  เป็นแรงดันเลือดที่เกิดจากหัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย  ซึ่งวัดได้ด้วย เครื่องวัดความดัน โดยจะมีทั้งหมด 2 ค่า  คือ

  • ความดันโลหิตค่าบน  คือ  แรงดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัว 
  • ความดันโลหิตค่าล่าง  คือแรงดันโลหิตขณะที่หัวใจคลายตัว 

ในคนปกติ  ความดันโลหิต ไม่ควรเกิน 130/85 มิลลิเมตรปรอท (จากการประชุมร่วมขององค์การอนามัยโลก และ International Society of Hypertension ปี 1999)
ส่วนความรุนแรงของความดันโลหิตที่สูงนั้น  ให้พิจารณาจากค่าความดันตัวบนและความดันตัวล่างทั้งสองค่า  โดยถือระดับความดันโลหิตที่สูงกว่าเป็นเกณฑ์  เช่น  ความดันโลหิต 150/110 มิลลิเมตรปรอท  ความดันตัวบน 150 มิลลิเมตรปรอท จะอยู่ในระดับอ่อน  แต่ความดันตัวล่าง 110 มิลลิเมตรปรอท จะอยู่ในระดับรุนแรง

ระบาดวิทยาของโรคความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่พบบ่อยในประเทศที่พัฒนาแล้ว  ประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาจากการเป็นประเทศเกษตรกรรม มาสู่อุตสาหกรรม  รวมทั้งประชากรไทยเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตตามประเทศทางตะวันตก  ทำให้ภาวะความดันโลหิตสูงมีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ
จากการสำรวจด้วย เครื่องวัดความดัน ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สถาบันวิจัยสาธารณสุขไทย ร่วมกับทางกระทรวงสาธารณสุข  ได้ทำการสำรวจสถานะสุขภาพอนามัยของประชาชนไทย ครั้งที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2534-2535  ซึ่งศึกษาในประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป  จำนวน 15,125 คน และถือเกณฑ์ความดันโลหิตที่สูงกว่า 160/95 มม.ปรอท  พบว่า

  • อุบัติการของความดันโลหิตสูงเฉลี่ยทั้งประเทศ 5.4 ต่อประชากร 100 คน 
  • ความชุกจะเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น หรือน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 
  • ความดันโลหิตสูงพบในหญิง (5.6%) มากกว่าชาย (5.2%) เล็กน้อย 
  • ภาคกลางเป็นพื้นที่มีความชุกมากที่สุด  ประมาณ 3 เท่าของภาคอื่น ๆ 
  • ผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาล จะมีอัตราการเป็นความดันโลหิตสูงมากกว่านอกเขตเทศบาลอย่างชัดเจน  และเป็นเช่นเดียวกันทุกภาค 
  • โดยที่เพศชายในเขตเทศบาล จะมีอัตราการเป็นความดันโลหิตสูง มากกว่านอกเขตเทศบาล ประมาณ 3.5 เท่า  และในเพศหญิงเท่ากับ 2.8 เท่า

และที่น่าเป็นห่วง คือ จากกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจ พบความดันโลหิตสูง 1,606 ราย (ซึ่งรวมพวกที่มีประวัติความดันโลหิตสูง)  มีเพียงร้อยละ 10.2 เท่านั้น ที่ทราบว่าตนเองเป็นความดันโลหิตสูง  และร้อยละ 71.3ของผู้ที่ทราบว่ามีภาวะนี้ได้รับการรักษา และร้อยละ 61.5 ของกลุ่มที่ได้รับการรักษามีความดันโลหิตต่ำกว่า 160/95 มม.ปรอท

สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง
มากกว่าร้อยละ 90 ของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงจะตรวจไม่พบสาเหตุ  เชื่อว่าเกิดจาก 2 ปัจจัยใหญ่  คือ
           1. กรรมพันธุ์  ซึ่งเป็นปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้  จากหลักฐานทางระบาดวิทยา พบว่าผู้ที่มีบิดาหรือมารดาเป็นความดันโลหิตสูง มีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงได้มากกว่าผู้ที่บิดามารดาไม่เป็น  ยิ่งกว่านั้น  ผู้ที่มีทั้งบิดาและมารดาเป็นความดันโลหิตสูง จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นมากที่สุด  ผู้สูงอายุก็มีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงเมื่ออายุมากขึ้น ๆ
           2. สิ่งแวดล้อม  ซึ่งเป็นปัจจัยที่แก้ไขได้  เช่น  ภาวะอ้วน  เบาหวาน  การรับประทานอาหารรสเค็ม  การดื่มสุรา  และการสูบบุหรี่  ภาวะเครียด  เป็นต้น

ส่วนความดันโลหิตสูงที่มีสาเหตุพบได้น้อยกว่าร้อยละ 10  ผู้ป่วยในกลุ่มนี้แม้จะพบเป็นจำนวนน้อย แต่ก็มีความสำคัญ  เพราะบางโรคอาจรักษาให้หายขาดได้  สาเหตุที่พบบ่อย คือ

  • โรคไต 
  • หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงไตตีบ 
  • ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด 
  • หลอดเลือดแดงใหญ่ที่ออกจากหัวใจตีบ
  • เนื้องอกของต่อมหมวกไต


อาการของโรคความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูงระดับอ่อน หรือปานกลาง  มักจะไม่มีอาการอะไร  แต่มีการทำลายอวัยวะต่าง ๆ ไปทีละน้อยอย่างช้า ๆ จนผู้ป่วยเกิดผลแทรกซ้อนในที่สุด  เช่น  หัวใจล้มเหลว  หัวใจขาดเลือด  ไตเสื่อมสมรรถภาพ หรืออัมพาต อัมพฤกษ์  ความดันโลหิตโลหิตสูงจึงมักได้รับการขนานนามว่า "ฆาตกรเงียบ"
ความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรง  ผู้ป่วยอาจเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นได้  เช่น  เลือดกำเดาออก  ตามองไม่เห็นข้างหนึ่งชั่วคราว  เหนื่อยง่าย  เจ็บหน้าอก  เวียนศีรษะ  ปวดศีรษะตุบ ๆ เป็นต้น  แต่อาการเหล่านี้ไม่จำเพาะ  เพราะอาจเกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้  เช่น  ไข้ เครียด ไมเกรน เป็นต้น
ดังนั้น เมื่อเกิดอาการผิดปกติ  จึงความปรึกษาแพทย์  เพราะถ้าพบความดันโลหิตสูงมากจะได้รักษาได้ถูกต้อง และทันท่วงที  ซึ่งเมื่อความดันโลหิตลดลงมาเป็นปกติ  อาการดังกล่าวก็จะหายไป

ผลแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูง
ภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นอยู่นาน และไม่ได้รับการรักษา  จะทำให้เกิดการทำลายของอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ในร่างกายได้  เช่น  หัวใจ  สมอง  ไต  หลอดเลือด  และตา เป็นต้น  เพราะความดันโลหิตที่สูงที่เป็นอยู่นาน จะทำให้ผนังหลอดเลือดแดงหนาตัวขึ้น และรูเล็กลง  ทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ลดลง  ส่งผลให้อวัยวะเหล่านี้ทำงานได้ไม่เป็นปกติ  และหากทำลายรุนแรงมากพอ  อาจทำให้ถึงแก่กรรมได้
ระยะเวลาที่เป็นความดันโลหิตสูง จนเกิดผลร้ายดังกล่าว  จะขึ้นอยู่กับระดับความดันโลหิต  เช่น  ระดับอ่อน และปานกลาง จะใช้เวลานานมากกว่า 10 ปี  ระดับรุนแรงจะใช้เวลาสั้นกว่านี้


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://nongnoosupaluk.blogspot.com/p/blog-page.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น