วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2558
รักษามะเร็งด้วยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน
เมื่อพูดถึงโรคมะเร็งซึ่งเกิดได้ทุกอวัยวะในร่างกาย ยกเว้นเส้นผม และเล็บ และเป็นที่ทราบโดยทั่วไปจากการรณรงค์อย่างต่อเนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขและแพทย์แผนปัจจุบันทั่วประเทศว่า มะเร็งในระยะเริ่มแรก หากได้รับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาได้ทันท่วงทีอย่างถูกวิธี เช่น เจาะเลือด วัดความดันด้วย เครื่องวัดความดัน ตรวจการทำงานของตับไต (ก่อนมะเร็งจะลุกลาม) ก็จะสามารถหายได้ 100% เด็ดขาด
แต่หากมะเร็งลุกลามออกมาเป็นระยะ 3 ระยะ 4 คือ ลุกลามออกมา นอกอวัยวะที่เป็นมะเร็ง และ/หรือ กระจายไปในระยะไกล ไปยังอวัยวะอื่นของร่างกายแล้ว ก็ยากที่จะหายขาดได้ ชีวิตก็จะสั้นและคุณภาพชีวิตจะไม่ดี อาจเจ็บปวดเรื้อรัง ท้องมาน ตัวเหลือง เบื่ออาหาร ผอมแห้ง อ่อนเพลีย ซีดเพราะขาดเลือดเป็นต้น
ในหลาย ๆ โอกาสของมะเร็งในระยะที่การแพทย์แผนไทย (Thai Traditional Medicine) การแพทย์ทางเลือก (Alternative Medicine) หรือการแพทย์ผสมผสาน (Integrative Medicine) ซึ่งอาจนำมาพิจารณารักษาร่วมด้วย ลองฟังความรู้ทางวิชาการของ นายแพทย์วัลลภ เผ่ามนัส ประธานสมาพันธ์ การแพทย์แผนไทยล้านนา ได้จากบทความต่อไปนี้
สาเหตุของการเกิดมะเร็ง
1. เกิดจากปัจจัยภายนอกร่างกาย
2. เกิดจากปัจจัยภายในร่างกาย
เกิดจากปัจจัยภายนอกร่างกาย
1. เกิดจากสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย, เกิดจากอากาศและการดื่มน้ำไม่สะอาด
2. เกิดจากอาหารปนเปื้อนสารพิษเข้าสู่ร่างกาย, เกิดจากสิ่งสกปรกที่อยู่ในสภาพแวดล้อม
3. เกิดจากบาดแผลเรื้อรัง การกระทบกระแทกของร่างกาย
4. เกิดจากเชื้อโรคบางชนิด เช่น เชื้อไวรัส เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย
เกิดจากปัจจัยภายในร่างกาย
1. เกิดจากกรรมพันธุ์
2. เกิดจากสภาวะทางอารมณ์ในทางลบ
3. เกิดจากความเสื่อมของร่างกายอันเกิดจากการสะสมของสารอนุมูลอิสระ และสารก่อมะเร็งมากเกินไปเป็นเวลายาวนาน (เป็นสาเหตุส่วนใหญ่)
ปฏิบัติการเพื่อย่อยสลายเซลล์เนื้องอกและเซลล์มะเร็ง ด้วยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน
ก่อนการรักษาควรพบแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อตรวจร่างกายหาก้อนเนื้องอกหรือ ก้อนมะเร็งในร่างกาย รายงานผลด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้ชัดเจน
วัดความดันโลหิตด้วย เครื่องวัดความดัน เจาะเลือดเพื่อตรวจหาค่าต่าง ๆ ในเลือดดังนี้
• ไขมันและคอเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอร์ไรด์, กรดยูริค, น้ำตาลในเลือด
• เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด
• การทำงานของตับและไต
• ตำแหน่งของก้อนเนื้องอกหรือก้อนมะเร็ง เก็บผลรายงานทางการแพทย์ไว้เพื่อประเมินผลเปรียบเทียบในภายหน้า
ปฏิบัติการรักษา
1. งดการบริโภคเนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์ทุกชนิด น้ำมันพืชและน้ำมันสัตว์ทุกชนิด น้ำตาลทุกชนิด เอาไว้ชั่วคราว 6 เดือน
2. งดสูบบุหรี่ งดบริโภค เหล้า เบียร์ ไวน์ ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง ของหมักดองทุกชนิด น้ำอัดลม กะทิ นม นมเปรี้ยว เนย ครีม ครีมเทียม น้ำตาลเทียม ช็อกโกแลต เอาไว้ชั่วคราว 6 เดือน
3. งดการบริโภคอาหารที่ปรุงรสจัดทุกชนิด เช่น รสหวาน รสมัน รสเค็ม รสเปรี้ยว และรสเผ็ด
4. ตื่นนอนตอนเช้าไม่ต้องแปรงฟันให้ดื่มน้ำสะอาดประมาณ 3-5 แก้ว ถ้าไม่เป็นโรคกระเพาะอาหาร บีบมะนาวลงไปด้วยจะช่วยล้างไขมันในลำไส้เล็กถึงลำไส้ใหญ่ทำให้ลำไส้สะอาดขึ้น ระบบดูดซึมสารอาหารจะดีขึ้น ขับถ่ายง่ายท้องไม่ผูก ระบบการไหลเวียนของเลือดจะดีขึ้นเลือดไม่ข้น ภายใน 1 วัน ควรดื่มน้ำให้ได้ประมาณ 2.5-3 ลิตร ก่อนนอนไม่ควรดื่มน้ำมากเพราะจะทำให้ต้องลุกขึ้นปัสสาวะตอนดึก
5. รับแสงแดดยามเช้าและอากาศบริสุทธิ์ หลีกเลี่ยงสถานที่อากาศ ไม่ถ่ายเท สถานที่อับชื้นมีกลิ่นเหม็น ควันพิษจากท่อไอเสีย การฉีดยาฆ่า แมลง ฯลฯ
6. หลีกเลี่ยงแสงแดดร้อนจัดตอนเที่ยงวันและตอนบ่าย
7. ออกกำลังกายเบา ๆ สม่ำเสมอ ตามที่ตนเองชอบ ถ้าสามารถฝึกโยคะ หรือชี่กงจะดีมาก (ได้ทั้งการออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ และฝึกการหายใจที่ถูกต้องในคราวเดียวกัน)
8. งดบริโภคอาหารที่ใส่สารเคมี เช่น ผงชูรส สารกันบูด สารบอแรกซ์ สี-กลิ่นสังเคราะห์ ดินประสิว สารฟอกขาว ยากันเชื้อรา เป็นต้น (ส่วนใหญ่จะมีในอาหารและขนมสำเร็จรูป)
9. งดรับประทานอาหารร้อนจัดที่ห่อด้วยกระดาษฟอยล์ อะลูมิเนียม ถุงพลาสติก
10. รับประทานข้าวกล้อง ผักสด ผลไม้และธัญพืชไร้สารพิษให้พอเพียงต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน บำรุงร่างกายด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ (สารต้านอนุมูลอิสระ)
11. รับประทานน้ำเอนไซน์จากพืชผักผลไม้ เพื่อบำรุงร่างกายเสริมสร้างภูมิต้านทาน เช่น น้ำใบบัวบก น้ำเก๊กฮวย น้ำใบย่านาง น้ำแครอท น้ำแอปเปิ้ลเขียว น้ำฝรั่ง (ไม่ใส่น้ำตาล) ฯลฯ (สารต้านอนุมูลอิสระ)
12. ฝึกปล่อยวางไม่เครียด ไม่โกรธ ไม่น้อยใจ ไม่เอาแต่ใจตนเอง ไม่จู้จี้ขี้บ่น นั่งสมาธิ ฟังเพลงเบา ๆ เที่ยวชมธรรมชาติตามที่ชอบ มองโลกในแง่ดี คิดในแง่บวก หัวเราะยิ้มแย้มแจ่มใส สงสารเห็นใจคนอื่น แผ่เมตตา วางใจเป็นกลาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ระลึกถึงความตายอยู่เสมอ
13. สร้างความอบอุ่นในครอบครัว เพื่อนบ้านใกล้เคียง เพื่อนร่วมงาน ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนช่วยเหลือสังคมตามโอกาสและความเหมาะสม
14. สร้างขวัญและกำลังใจเพื่อต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บในร่างกาย ปลุกจิตสำนึกให้กล้าแกร่ง พยายามคิดและสร้างความดีให้เกิดขึ้นทุกวัน
15. หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีเสียงดัง เช่น คาราโอเกะ ดิสโก้เธค เป็นต้น
16. พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนห้องปรับอากาศเพราะอากาศไม่ถ่ายเท ไม่ควรเข้านอนเกิน 22.00 น.
17. ขับถ่ายอุจจาระทุกวัน อย่าให้ท้องผูกเพราะสารพิษจะตกค้างในร่างกายเกิดขึ้นทุกวัน
18. ใช้ยาสมุนไพรในการขับถ่ายระบายของเสียออกจากร่างกาย (Detox) อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
19. ใช้ยาสมุนไพรเพื่อฆ่าเซลล์เนื้องอกและเซลล์มะเร็งให้ฝ่อหายไปเร็วขึ้น
20. ใช้ยาสมุนไพรเพื่อบำรุงร่างกาย บำรุงเลือด โดยเฉพาะเม็ดเลือดขาวให้แข็งแรง เร่งกระบวน การสร้าง DNA และ RNA ในนิว เคลียส เพื่อสร้างเนื้อเยื่อใหม่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้ฟื้นคืนสภาพ
21. สามารถรับประทานวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ได้จากธรรมชาติเสริมได้ เพื่อช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดีขึ้น
เมื่อปฏิบัติครบ 6 เดือนแล้วไปพบแพทย์แผนปัจจุบันอีกครั้งหนึ่งเพื่อตรวจเช็กร่างกายอย่างละเอียดแล้วนำผลการตรวจเปรียบเทียบกับการตรวจครั้งแรกว่า ยังมีเซลล์เนื้องอกหรือเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่ อีกหรือไม่ ถ้าไม่มีก็แสดงว่าหายเป็นปกติเป็นอันสิ้นสุดกระบวนการรักษา แต่ถ้ายังมีอยู่บ้างก็ต้องปฏิบัติการรักษาต่อไปจนกว่าจะหายเป็นปกติ เมื่อหายเป็นปกติแล้วก็ต้องปฏิบัติตัวให้ดีมิฉะนั้นอาจกลับมาเจ็บป่วยเหมือน เดิมได้อีก
“ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่คือชัยชนะเหนือใจตนเอง ชนะใจตนเองได้ชนะมะเร็งได้แน่นอน”
ข้อมูลจาก นายแพทย์วัลลภ เผ่ามนัส ประธานสมาพันธ์ การแพทย์แผนไทยล้านนา
นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์
ขอขอบคุณเครดิต http://www.dailynews.co.th/article/338806
ป้ายกำกับ:
เครื่องวัดความดัน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น