Pocket WiFi

Pocket WiFi
Pocket WiFi แชร์เน็ทแรงได้ทุกที่ รายรื่นไม่มีสะดุด

เครื่องวัดความดัน

        เครื่องวัดความดัน

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โรคความดันโลหิตสูงเช็คได้ด้วย เครื่องวัดความดัน

เครื่องวัดความดัน

รู้จักเลือก...รู้จักเลี่ยง ไม่เสี่ยงเป็น"ความดันโลหิตสูง"(เดลินิวส์)

           ชีวิตของผู้คนในยุคสมัยนี้ ต้องเผชิญกับปัญหาหลากหลายที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต สร้างความบั่นทอนร่างกายและจิตใจให้ถดถอยลง ส่งผลให้ ความดันโลหิต ในร่างกายสูงตามไปด้วย

           โรคความดันโลหิตสูงสามารถเช็คได้ด้วย เครื่องวัดความดัน นับเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขสำคัญที่กำลังคุกคามโลก โดยในปัจจุบันมีประชากรหลายร้อยล้านคนทั่วโลกเป็น โรคความดันโลหิตสูง และมีการคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2568 ผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านคน 

           สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขคาดว่า จะมีผู้มีภาวะความดันโลหิตสูง หรือเป็น โรคความดันโลหิตสูง ประมาณ 10 ล้านคน ซึ่ง 70% ของคนกลุ่มนี้ไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะดังกล่าว ( สถิตินี้ได้มาจาก เครื่องวัดความดัน ) ทำให้ไม่ได้รับการรักษาหรือการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเหมาะสม อันจะนำไปสู่การเกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย อาทิ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ด้วย

           นพ.ธวัชชัย ภาสุรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวาน ไทรอยด์และต่อมไร้ท่อ ให้ความรู้ว่า ความดันโลหิตสามารถเช็คได้จาก เครื่องวัดความดัน อัน หมายถึง แรงดันเลือดที่เกิดจากการ ที่หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ซึ่งหัวใจคนเราจะเต้น 60-80 ครั้ง ความดันก็จะเพิ่มขณะที่หัวใจบีบตัวและลดลงขณะที่หัวใจคลายตัว ความดันโลหิตของคนเราไม่เท่ากันตลอดเวลาขึ้นอยู่กับท่าของผู้ถูกวัดด้วย โดยท่านอนความดันโลหิตมักจะสูงกว่าท่ายืน นอกจากนั้นแล้ว ยังขึ้นกับสิ่งกระตุ้นต่างๆ เช่น การออกกำลังกาย การทานอาหาร การนอนหลับ กิจกรรมที่ทำอยู่ รวมทั้งสภาพจิตใจด้วย

           โดยปกติคนจะมีระดับความดันโลหิต 120/80-139/89 มิลลิเมตรปรอท หากมีค่าความดันมากกว่านี้จัดว่าเป็นผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง หรือเป็น โรคความดันโลหิตสูง ส่วนสาเหตุของ โรคความดันโลหิตสูง 90% ของผู้ที่มีภาวะดังกล่าวไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน พบมากในกลุ่มคนอายุ 40 ปีขึ้นไป นอกจากนั้น เกิดจากอาการป่วยบางอย่าง เช่น อาการป่วยเกี่ยวกับสมอง ต่อมหมวกไต และต่อมไร้ท่อบางประเภท 

           "ผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักจะไม่ปรากฏอาการใดๆ แต่สามารถทราบได้อย่างแน่ชัดเมื่อใช้ เครื่องวัดความดัน ในการตรวจเช็ค เมื่อไม่ปรากฎอาการจึงไม่ได้เข้ารับการรักษาและไม่มีการควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งในรายที่มีภาวะความดันโลหิตสูงมากๆ อาจนำไปสู่การเสียชีวิตแบบเฉียบพลันได้ ดังนั้นความดันโลหิตสูงจึงเปรียบเสมือนเพชฌฆาตเงียบที่คร่าชีวิตคนจำนวนมากไปแบบไม่รู้ตัว"

           โรคความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งของโรคอัมพาตและยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคไต โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โดยผู้ที่ไม่ได้รักษา โรคความดันโลหิตสูง จะมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเพิ่มขึ้น 3 เท่า มีโอกาสเกิดโรคหัวใจวายเพิ่มขึ้น 6 เท่า และมีโอกาสเกิดโรคอัมพาตเพิ่มขึ้น 7 เท่า

           "ภาวะความดันโลหิตสูงจะค่อยๆ ทำให้หลอดเลือดภายในร่างกายค่อยๆ เสื่อมไป โดยเฉพาะ 3 อวัยวะสำคัญ คือ หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจ รวมทั้งไต ซึ่งเมื่อมีการตีบหรือแตกของหลอดเลือดในอวัยวะสำคัญเหล่านี้จะทำให้เสียชีวิตได้แบบเฉียบพลัน หรือทำให้เป็นอัมพาตได้ ดังนั้นแม้ในคนปกติ หรือผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจวัดด้วย เครื่องความวัดดัน โลหิตสูงอยู่อย่างสม่ำเสมอหรือซื้อ เครื่องวัดความดัน ชนิดกดปุ่มเดียววัดค่าความดันได้ทันทีมาไว้ตรวจเช็คร่างกายเองจากที่บ้าน เนื่องจากหากได้รับการรักษาหรือปรับการปฏิบัติตัวแต่เนิ่นๆ จะทำให้หลอดเลือดไม่ผิดปกติเร็วเกินไปนัก สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงอยู่แล้วนั้น หากมิได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้"

           ปัจจัยเสี่ยงต่อ โรคความดันโลหิตสูง นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า ได้แก่ กรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม โดยมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ ได้ประมาณ 30- 40% รวมทั้งสิ่งแวดล้อมที่เคร่งเครียด รีบเร่งมีผลต่อการก่อ โรคความดันโลหิตสูง ได้เร็วขึ้น ด้าน อายุ มักพบในอายุตั้งแต่ 40-50 ปี ขึ้นไป เพศซึ่งมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังวัยหมดประจำเดือน รูปร่างพบมากในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนมากกว่าคนผอม ส่วนเชื้อชาติ พบมากที่สุดในคนอเมริกันเชื้อสายคนดำแอฟริกัน รวมไปถึงผู้ที่ทานเกลือสูงหรือชอบกินเค็มมีโอกาสเกิด โรคความดันโลหิตสูง ได้

           สำหรับการรักษา โรคความดันโลหิตสูง มี 2 ทางเลือกด้วยกัน คือ การใช้ยา และไม่ใช้ยา ในผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง ที่เริ่มรู้ตัวว่าเป็น แพทย์จะสามารถรักษา โรคความดันโลหิตสูง  ได้โดยป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน แต่สำหรับผู้ที่มีโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย แพทย์จะต้องให้ยาและพยายามควบคุมระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ

           ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถตรวจวัดความดันโลหิตได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ได้ที่บ้านโดยซื้อ เครื่องวัดความดัน ชนิดอัตโนมัติมาไว้สำหรับตรวจเช็คร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง ทราบระดับความดันโลหิตของตนเองตลอดเวลา หากมีระดับสูงผิดปกติก็สามารถรีบไปพบแพทย์หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม อันจะนำไปสู่การควบคุมระดับความดันโลหิตที่ดีขึ้น ตลอดจนลดปัญหาจากการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ ความดันโลหิตสูงเป็นเพชฌฆาตเงียบ เป็นแล้วไม่หายขาด ต้องดูแลรักษาตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นจึงคุ้มที่จะป้องกันและรักษาก่อนที่จะสายเกินแก้

           ทุกคนสามารถป้องกันการเกิดภาวะ ความดันโลหิตสูง ได้ โดยการเลือกทานอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยง อาหารเค็มจัด เพราะเกลือทำให้ความตึงตัวของผนังหลอดโลหิตแดงเพิ่มขึ้น รวมทั้งอาหารกลุ่มไขมัน ควรให้อยู่ในระดับกลางค่อนข้างต่ำ ควรหลีกเลี่ยงไขมันจากสัตว์และจำพวกกะทิ อีกทั้ง อาหารกลุ่มแป้งและน้ำตาลขัดขาวทุกชนิด เพราะจะทำให้น้ำหนักตัวและระดับไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น

           นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยง การสูบบุหรี่ และ แอลกอฮอล์ หรือดื่มได้ในปริมาณที่พอเหมาะ (วิสกี้ 2 ออนซ์หรือ ไวน์ 8 ออนซ์) รวมทั้งพยายามควบคุมน้ำหนักตัว เพราะความอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิด โรคความดันโลหิตสูง  และออกกำลังกายให้พอควรและสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด และมีการตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ

           "อยากให้ทุกคนตระหนักและเข้าใจถึงความสำคัญของ โรคความดันโลหิตสูง ถ้าสามารถรักษาควบคุมให้ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม อย่าละเลย อย่าประมาท ก็จะมีโอกาสลดการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ต่อหัวใจ สมอง และไตได้ แล้วคุณจะห่างไกลจาก โรคความดันโลหิตสูง " นพ. ธวัชชัย กล่าวทิ้งท้าย

       

           ไม่ใช่เรื่องยากที่จะดูแลรักษาระดับของความดันโลหิต ไม่ให้เป็น โรคความดันโลหิตสูง ... เพียงแค่คุณใส่ใจ


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://health.kapook.com/view2514.html

คดีกรุงไทย ปิดทางกลับบ้านของ ทักษิณ

คดีกรุงไทย


"ทีมทนายความและคนใกล้ชิดอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ออกมาประเมินว่า หลังศาลฏีกาพิพากษาจำคุก อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทยใน คดีกรุงไทย เป็นการหาทางป้องกันไม่ให้อดีตนายกฯ กลับประเทศไทย แม้จะมีการเลือกตั้งในอนาคตและพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล"


"มีการประเมินจากทีมทนายความและ คนใกล้ชิดอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หลังจากที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย และบริษัทในกลุ่มกฤษดามหานคร 12- 18 ปี คดีกรุงไทย จากการปล่อยสินเชื่อ และสั่งชดใช้ค่าเสียหายกว่า 1 หมื่นล้านบาท และให้จำหน่ายคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะจำเลยที่ 1 ออกสารระบบเป็นการชั่วคราว ในข้อหาสั่งการให้ผู้บริหารธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อแก่กลุ่มกฤษดามหานคร ทั้งๆ มีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

แม้ว่าศาลฎีกาฯ ยังไม่ได้พิพากษาว่า การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นความผิดหรือไม่ เพราะอยู่ระหว่างการหลบหนีการดำเนินคดี พร้อมกับออกหมายจับทันทีอีกครั้ง เพราะตามคำพิพากษาของศาล ระบุว่าจำเลยที่ 1 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาหาพยานและบอกว่า บิ๊กบอส ไม่ให้คัดค้านการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทจำเลย

จากคำพิพากษานี้ ทำให้ฝ่ายทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ มองว่าแม้ศาลยังไม่มีคำพิพากษาออกมา แต่ศาลได้ออกหมายจับอีกครั้ง จีงอาจจะส่งผลกระทบต่อโอกาสที่ พ.ต.ท. ทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศไทยอีกครั้งเพราะนอกจากจะตกเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีบัญชีคดีที่ตกเป็นจำเลยในชั้นศาลฎีกาฯ อีกหลายคดี"



"อย่างคดีโครงการออกสลากเลขท้ายพิเศษ 2 ตัว 3 ตัว ศาลฎีกาฯ ต้องชะลอการอ่านคำพิพากษาเฉพาะกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ คดีการปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เป็นคดีที่ถูกขยายผลมาจากคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ที่ให้ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน  คดีกรุงไทย ที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ เอ็กซิมแบงก์ ปล่อยสินเชื่อให้กับรัฐบาลประเทศเมียนมาร์ มูลค่า 4,000 ล้านบาท คดีทุจริตออกพระราชกำหนดแปลงค่าภาษีสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต รวมถึงคดีการซื้อขายที่ดินรัชดาฯ ที่ศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาจำคุก 2 ปี จนทำให้ต้องหลบหนีไปต่างประเทศ

ทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ประเมินว่าจากคดีปล่อยกู้ของ คดีกรุงไทย ธนาคารกรุงไทย เป็นการป้องกันไม่ได้อดีตนายกฯ กลับประเทศไทย แม้ในอนาคตหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น และพรรคเพื่อไทยได้กลับมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล"


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.nationtv.tv/main/content/politics/378469412/

ความดันสูง อันตรายมาก ควรตรวจเช็คด้วย เครื่องวัดความดัน

เครื่องวัดความดัน
เครื่องวัดความดัน

ความดันโลหิตสูง คือ
ภาวะความดันในหลอดเลือดแดงสูงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 140/90 มม.ปรอทขึ้นไป
โดยใช้ เครื่องวัดความดัน ขณะนั่งพัก 5–10 นาทีที่ไม่ได้สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์

และได้ค่าสูงตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไปในเวลาอย่างน้อย 2สัปดาห์

แบ่งระดับความรุนแรงของความดันโลหิตสูงได้ดังนี้


เครื่องวัดความดัน


ความดันโลหิตสูงแบ่งเป็น 2 ชนิด

1. ความดันโลหิตสูงชนิดปฐมภูมิ ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนพบได้มากกว่า
ร้อยละ 90 ในคนที่อายุ 40 ปี ขึ้นไปโดยมีปัจจัยเสี่ยง ดังนี้
• พันธุกรรม มีประวัติครอบครัวเป็นความดันโลหิตสูง
• โรคอ้วน โดยเฉพาะผู้ที่อ้วนลงพุง
• บริโภคอาหารรสเค็มหรือเกลือโซเดียมมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีพันธุกรรม
• ขาดการออกกำลังกาย
• มีความเครียดสูงและเรื้อรัง (มุ่งร้ายผู้อื่นหรือถูกกดดันด้วยเวลาจำกัด)
• ร่างกายมีความไวต่อการสะสมเกลือและโซเดียม
• ดื่มแอลกอฮอล์และกาแฟมากเกินไป

2. ความดันโลหิตสูงชนิดทุติยภูมิ ที่เกิดจากสาเหตุของโรค เช่น โรคไต โรคของต่อมไร้ท่อ นอนกรนและหยุดหายใจ เฉียบพลัน จากยาบางชนิด การตั้งครรภ์เป็นพิษ เป็นต้น แต่หลังการรักษาต้นเหตุความดันโลหิตสูงจะกลับเป็นปกติ
ในผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงเฉพาะค่าบน เนื่องจากมีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและตีบ


มีอาการอย่างไร

โรคความดันโลหิตสูงที่ตรวจพบด้วย เครื่องวัดความดัน ระยะแรกส่วนใหญ่ไม่มีอาการมีเพียงส่วนน้อยที่มีอาการและที่พบได้บ่อย คือ ปวดมึนท้ายทอย ตึงที่ต้นคอ ปวดศีรษะ สำหรับผู้ที่มีความดันสูงรุนแรงอาจมีอาการเหล่านี้ เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น มือเท้าชา ตามัว อัมพาตหรือเสียชีวิตเฉียบพลัน เป็นต้น


เครื่องวัดความดัน


หลอดเลือดปกติ

โรคนี้ถ้าตรวจพบด้วย เครื่องวัดความดัน แล้วไม่ได้รักษาเป็นเวลานานๆร่วมกับมีภาวะไขมันสูง สูบบุหรี่ โรคเบาหวานที่ไม่ควบคุม น้ำตาลในเลือดที่สูงจะเร่งทำให้หลอดเลือดแดงเสื่อมโดยมีคราบไขมันพอกทีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตีบ ก่อให้เกิดความเสียหายและทำให้เกิดอาการของภาวะแทรกซ้อนที่อวัยวะสำคัญ ได้แก่

1. หัวใจ เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนา หัวใจวายหรือมีหลอดเลือดหัวใจตีบ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันและมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง
2. สมอง เกิดภาวะหลอดเลือดสมองตีบตันหรือแตกทำให้เป็นอัมพาต และถ้าเกิดในตำแหน่งสำคัญอาจเสียชีวิตรวดเร็ว ความดันที่สูงรุนแรงเฉียบพลันจะทำให้สมองบวม ปวดศีรษะ และซึมลงจนไม่รู้สึกตัว
3. ไต จากมีเลือดไปเลี้ยงไม่พอเกิดภาวะไข่ขาวรั่วออกทางปัสสาวะ ไตวายเรื้อรังหรือเฉียบพลันซึ่งจะทำให้ความดันยิ่งสูงมากขึ้น
4. ตา หลอดเลือดแดงในตาแตกและมีเลือดออกทำให้ประสาทตาเสื่อมและอาจตามัวลง
5. หลอดเลือดแดงใหญ่ เกิดการโป่งพองและหรือฉีกขาดของผนังหลอดเลือดจะมีอาการเจ็บหน้าอก ถ้ารุนแรงอาจเสียชีวิต

วิธีรักษามีอะไรบ้าง
เป้าหมายของการรักษาความดันโลหิตสูงชนิดปฐมภูมิ คือการเช็คด้วย เครื่องวัดความดัน แล้วควบคุมให้ต่ำกว่า 140 / 90 มม.ปรอท และผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือไตเรื้อรัง ควรคุมให้ต่ำกว่า 130/80 มม.ปรอท แนวทางการรักษา มีดังนี้

1. เปลี่ยนพฤติกรรมสู่การสร้างสุขภาพที่ดี เพื่อลดความดันและปัจจัยเสี่ยง ผู้ที่มีความดันสูงเพียงเล็กน้อยความดันจะลดเป็นปกติได้โดยไม่ใช้ยา ได้แก่
• ลดน้ำหนักส่วนเกิน
• เลิกบุหรี่และเหล้า
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ถ้าเลิกออกกำลังกายความดันจะกลับมาเป็นใหม่
• ลดอาหารรสจัด (หวาน มัน เค็มจัด) เพิ่มรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืช ปลาและดื่มนมไขมันต่ำ
• รู้จักคลายเครียด

2. ให้ยาลดความดันโลหิต สำหรับผู้ที่ความดันยังคงสูงกว่า 140/90 มม.ปรอท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนปัจจุบันมียาใหม่ๆ ที่มีคุณภาพให้ผลดีในการรักษาและควบคุมความดันให้อยู่ในระดับปกติ เช่นขับเกลือและน้ำออกทางปัสสาวะ ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ขยายหลอดเลือด เป็นต้น

3. ติดตามการรักษา เพื่อประเมินการควบคุมความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ตรวจปัสสาวะและเลือด ตรวจคลื่นหัวใจ เป็นต้น


เครื่องวัดความดัน

ดูแลสุขภาพอย่างไรจึงจะควบคุมโรคได้

1. กินยาและพบแพทย์ตามนัด ไม่หยุดยาเองแม้ว่าจะมีความดันโลหิตเป็นปกติและไม่เปลี่ยนขนาดหรือชนิดยาเพราะประสิทธิภาพของยาจะแตกต่างกันในแต่ละราย ผู้ที่มีอาการจากผลข้างเคียงของยาควรปรึกษาแพทย์
2. เลือกอาหารที่มีเกลือต่ำ ควรบริโภคอาหารรสธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่งรสหวาน มัน เค็มจัด โดยฝึกให้ชินกับอาหารรสธรรมชาติหรือใช้สมุนไพรปรุงรสแทนและบริโภคเกลือแกงต่อวัน 2/3 ช้อนชา (1,500 มิลลิกรัม) แต่ไม่เกิน 1 ช้อนชา (6 กรัมหรือ 2,500 มิลลิกรัม) จะช่วยลดความดันค่าบนเฉลี่ยได้ 2 – 8 มม.ปรอท การบริโภคอาหารเค็มจะทำให้ความดันโลหิตไม่ลงและดื้อต่อการรักษา
3. ลดน้ำหนักส่วนเกิน เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากวิธีหนึ่งในการลดความดันโลหิต ผู้ที่ลดน้ำหนักได้ต่อเนื่องทุก 10 กิโลกรัม ความดันโลหิตค่าบนจะลดลงเฉลี่ย 8 – 14 มม.ปรอท
4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ วันละ 30–45 นาทีแบบต่อเนื่อง สัปดาห์ละ 3–4 วัน เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ เป็นต้น เมื่อใช้ เครื่องวัดความดัน เช็คจะพบว่าสามารถลดความดันโลหิตค่าบนได้ 4 – 9 มม.ปรอท และช่วยให้ยามีประสิทธิภาพดีขึ้น ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมากควรปรึกษาแพทย์ ก่อนเริ่มออกกำลังกาย
5. เลิกสูบบุหรี่และไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เพราะภาวะแทรกซ้อนจะเกิดได้เร็วขึ้น
6. เลือกบริโภคอาหารลดความดันโลหิต (Dietary Approaches to Stop Hypertention , DASH) จะลดความดันโลหิตค่าบนได้ 8–14 มม.ปรอท โดยเพิ่มการบริโภคผักสด ผลไม้ ธัญพืชให้มากขึ้นในแต่ละมื้อและอาหารไขมันต่ำแบบหมุนเวียน เช่น เนื้อไก่ไม่ติดหนัง ปลา อาหารมังสวิรัติแต่ควรลดการบริโภคเนื้อสัตว์ต่อมื้อไม่ให้มากเกินไป
7. วัดความดันโลหิตขณะนั่งพักที่บ้านเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง หรือจากสถานบริการใกล้บ้าน และบันทึกผลให้แพทย์ดูเมื่อไปตรวจตามนัด
8. สร้างวิถีชีวิตให้เอื้อต่อการมีสุขภาพจิตดี รู้จักคลายเครียดและทำจิตใจให้สงบ เช่น ปฏิบัติศาสนกิจ เจริญสมาธิ ฝึกโยคะ ชี่กง พบว่า การฝึกหายใจช้าน้อยกว่า10 ครั้ง/นาที วันละ15–20 นาที ประมาณ 2 เดือน จะช่วยลดความดันโลหิตได้ประมาณเท่ากับการกินยารักษาความดัน 1 ชนิด
9. เมื่อมีภาวะเจ็บป่วยด้วยโรคอื่นๆ ควรแจ้งแพทย์เรื่องโรคประจำตัว เนื่องจากยาบางอย่างมีผลข้างเคียงทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น

เครื่องวัดความดัน

ป้องกันอย่างไรไม่ให้เป็นความดันโลหิตสูง

1. ควบคุมน้ำหนักตัว โดยมีรอบเอวน้อยกว่า 80 ซม. หรือ 32 นิ้วในผู้หญิง และ 90 ซม.หรือ 36 นิ้วในผู้ชาย
2. บริโภคอาหารแบบสมดุลครบ 5 หมวดและมีรสจืด หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง และทุกๆมื้อหมุนเวียนบริโภคอาหารป้องกันความดันโลหิตสูง โดยเน้นอาหารประเภทผัก ผลไม้ ถั่ว ที่ให้สารโพแทสเซียม เช่น ฟักทอง บร็อคโคลี่ ผักโขม มะเขือเทศ มะละกอ กล้วย มันฝรั่ง มะม่วง เป็นต้น และอาหารที่่ ี่ให้แมกนีเซียมซึ่งพบมากในผักใบเขียว ธัญพืชถั่วเปลือกแข็ง เช่น ข้าวกล้อง ถั่วแดง เต้าหู้ งา ดำ เป็นต้น รวมทั้งดื่มนมและผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำที่ให้้แคลเซียม เนื่องจากพบว่าผู้ที่ขาดสารโพแทสเซียม แคลเซียมและแมกนีเซียมมีความสัมพันธ์กับโรคความดันโลหิตสูง
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 3 – 4 วันต่อสัปดาห์ วันละ 30 – 60 นาที
4. งดหรือลดการดื่มแอลกอฮอล์และหยุดสูบบุหรี่
5. ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปโดยเฉพาะผู้มีประวัติครอบครัวความดันโลหิตสูงควรตรวจวัดความดันโลหิตอย่างน้อยทุก 2 ปี และอายุ 35 ปีขึ้นไปควรตรวจวัดความดันโลหิตอย่างน้อยปีละ 1ครั้ง
6. ผู้ที่มีความดันโลหิตระหว่าง 120/80 ถึง 139/89 มม.ปรอท จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคนี้ควรเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดโอกาสการเกิดโรคและปัจจัยเสี่ยง


เครื่องวัดความดัน

ที่มา  chulalongkornhospital.go.th


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.never-age.com/2169-1-ความดันสูง%20อันตรายมาก.html

วินาทีตำรวจรวบตัว จับมือระเบิด แต่ผลลัพธ์กลับลงเอยเช่นนี้...!!?

จับมือระเบิด


จับมือระเบิด จริงมือประกอบระเบิด เจอ'อุปกรณ์'จำนวนมาก!!

นายตำรวจย้ำชัด ชายต่างชาติต้องสงสัยที่จับกุมอาจเป็นชาวตุรกี ชี้ไม่ใช่คนวางบึ้มศาลพระพรหมเอราวัณ แต่มีส่วนเอี่ยวขบวนการ เป็นมือประกอบระเบิด อึ้ง เจออุปกรณ์ระเบิดในห้องพักเพียบ


จับมือระเบิด


เมื่อวันที่ 29 ส.ค. หลังจากชุดสืบสวนจากกองปราบ ตำรวจนครบาล และทหาร บุกจับกุมชายชาวต่างชาติ ที่ต้องสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง กับขบวนการลอบวางระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ก่อนจะคุมไปสอบเครียดที่ สน.หนองจอก อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้รุดไปตรวจค้น ภายในห้องพักชื่อ พูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ ถนนเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก ซึ่งเป็นห้องพักของชายต้องสงสัยคนดังกล่าว


จับมือระเบิด


โดยพบว่ามีการเช่าห้องไว้คนเดียวถึง 4 ห้อง แบ่งเป็นห้อง 412 สำหรับพักผ่อน ส่วนห้อง 414 ตรวจค้นพบอุปกรณ์ในการประกอบระเบิดจำนวนมาก รวมทั้งเป็นชนิดระเบิดสังหารรุนแรงทั้งสิ้น ในจำนวนนี้มี "บอล แบริ่ง" ที่เป็นสะเก็ดระเบิดแบบเดียวกับที่พบในแยกราชประสงค์ ส่วนอีก 2 ห้อง อยู่ระหว่างตรวจค้น


จับมือระเบิด


นอกจากนี้ได้รับการยืนยันจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ว่า ชายต้องสงสัยคนนี้น่าจะเป็นชาวตุรกี อาจไม่ได้เป็นผู้ต้องหาที่วางระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ แต่มีส่วนร่วมอยู่ในขบวนการแน่นอน โดยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการประกอบระเบิด


คลิปตำรวจบุกค้น จับมือระเบิด




อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.dailynews.co.th/crime/344784

9 วิธีควบคุมความดันโลหิต ต้นตอโรคร้าย

เครื่องวัดความดัน


หลังจากที่ก่อนหน้านี้เราได้ให้ข้อมูลเรื่องโรคความดันโลหิตสูง!!!!!ว่าเป็นภัยเงียบที่สามารถตรวจเช็คได้ด้วย เครื่องวัดความดัน อาจก่อให้เกิดโรคร้ายอื่นๆได้ ทั้งโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ดังนั้นวันนี้เราจะขอมาแบ่งปันวิธีลดความดัน และลดความเสี่ยงการเป็นโรคความดันสูงกันนะค่ะ


เพียงแค่ 9 วิธีง่ายๆ..... แล้วคุณจะลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยฉุกเฉินได้ค่ะ 

(1) ลดน้ำหนักถ้าน้ำหนักเกิน

  • ความอ้วน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหลายโรค ดังนั้นควรควบคุมน้ำหนักให้มีความเหมาะสม โดยจากการวิจัยพบว่าการลดน้ำหนักได้ 4.54 กิโลกรัม (10 ปอนด์) จะมีความดันเลือดลดลง


(2) ออกกำลังกาย

  •  ออกแรงทำงาน เช่น ล้างรถ ถูพื้น ฯลฯ เดิน เดินขึ้นลงบันไดตามโอกาส มีส่วนช่วยได้มาก การออกกำลังให้ได้ 30-60 นาทีต่อวันเกือบทุกวันช่วยลดความดันเลือดได้ 4-9 มิลลิเมตรปรอท


 (3) อาหารสุขภาพ

  • อาหารสุขภาพเริ่มจากธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ฯลฯ ผัก ผลไม้ทั้งผล  นมไขมันต่ำหรือนมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียม การใช้น้ำมันพืชชนิดดี เช่น น้ำมันรำข้าว คาโนลา ถั่วเหลือง ฯลฯ และลดโคเลสเตอรอล เช่น ไม่ใช้น้ำมันหมู ไม่กินเนื้อมากเกิน ฯลฯ อาจช่วยลดความดันเลือดได้มากจนถึง 14 มิลลิเมตรปรอท


 (4) ไม่กินเกลือโซเดียมมากเกิน

  • ลดการกินอาหาร-ขนมสำเร็จรูป กินอาหารทำเองอย่างน้อยวันละ 1 มื้อ ฝึกกินอาหารเท่าที่มีโดยไม่เติมซอสหรือเกลือเพิ่ม
  • การจำกัดเกลือโซเดียมอาจลดความดันเลือดได้ 2-8 มิลลิเมตรปรอท


 (5) ไม่ดื่มหนัก 

  • การดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ) หนักทำให้ความดันเลือดเพิ่มขึ้น


(6) ไม่สูบบุหรี่ 

  • การสูบบุหรี่แต่ละครั้งอาจเพิ่มความดันเลือดได้มากจนถึง 10 มิลลิเมตรปรอทนาน 1 ชั่วโมง การหายใจเอาควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบ (มือสอง) เข้าไปก็อันตรายมากเช่นกัน


 (7)คาเฟอีน 

  • คนบางคนกินคาเฟอีน (กาแฟ ชา เครื่องดื่มบำรุงกำลัง โกโก้ น้ำอัดลมชนิดน้ำดำ ชอคโกแล็ต ฯลฯ) แล้วความดันเลือดสูงขึ้น
  • ถ้าท่านดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน ควรลองวัดความดันเลือดหลังดื่ม 30 นาที… ถ้าความดันเลือดเพิ่ม 5-10 มม.ปรอท ควรลดปริมาณการดื่มให้น้อยลง


 (8) ลดความเครียด 

(9) ตรวจเช็คความดันเลือดด้วย เครื่องวัดความดัน เป็นประจำ

  •  ถ้าสูง… ควรตรวจติดตามและรักษาให้ต่อเนื่อง
  • คุณสามารถวัดความดันโลหิตได้ด้วยตัวเองจากที่บ้านโดยซื้อ เครื่องวัดความดัน ชนิดอัตโนมัติมาใช้งาน


ขอบคุณที่มา งานวิจัย   ดร.พอล เวลทัน นักระบาดวิทยา และคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลาโยลา ชิคาโก สหรัฐฯ 
 http://www.108health.com/


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thaiemsinfo.com/autopagev4/show_page.php?topic_id=186&auto_id=6&TopicPk=

แทค ออกตัวแทน "เนย อริสรา" ด้วยคอมเม้นสุดเดือด "มีปัญหามาเจอ IG"

เนย อริสรา

"แทค"ออกตัวแทน"เนย-อริสรา" ซัดชาวเน็ต/ท้าเจอในIG

"แทค-ภรัณยู" ออกตัวแทนสาวหมวย "เนย-อริสรา" โพสต์คอมเม้นท์เดือดตอกกลับ ท้าชาวเน็ตเจอในไอจี อย่ามาตรงนี้


หลังจากมีภาพหลุดคั่วสาว "น้ำฝน-ทวีพร อารีย์สวัสดิ์" อยู่พักใหญ่ แต่ยังไม่ทันจะเคลียร์อะไรมากมาย ก็ต่อเนื่องมาด้วยสาวคนใหม่อย่าง "เนย-อริสรา ศิลปศิริพร" ที่เป็นเด็กสาวน่ารักฟรุ้งฟริ้ง ว่าคนนี้แหละ เป็นแฟนคนใหม่ ตัวจริงเสียงจริงที่หนุ่ม "แทค-ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม" คบกันอยู่


เนย อริสรา


ซึ่งล่าสุดก็มีดราม่าสดๆ ร้อนๆ ว่าสาว 'เนย อริสรา' ได้โพสต์ข้อความคำคมภาษาอังกฤษ "When; A girl is in love, You can see it in her smile. When; A guy is in love, You can see it in his eyes."(เมื่อเด็กสาวตกหลุมรัก คุณจะเห็นมันในรอยยิ้มของเธอ เมื่อชายหนุ่มตกหลุมรัก คุณจะเห็นมันในตาของเขา) จากนั้นก็โดนคอมเม้นท์ต่างๆ ที่เหล่าแฟนๆพูดถึงทั้ง 2 คน แบบไม่ค่อยดี งานนี้ทำเอาหนุ่ม 'แทค' ของขึ้นว่าทำไมต้องมาคอมเม้นท์แบบนี้ จึงคอมเม้นท์ตอกกลับแทนสาว เนย อริสรา ว่า "มีปัญหาเจอในไอจี อย่ามาตรงนี้ พื้นที่นี้ขอให้สวยงามพอ" ไม่นานก็โพสต์ไปอีก และยังให้กำลังใจสาว เนย อริสรา "อย่าไปสนใจพวกนี้มาก ยังมีไอ้พวกนี้อีกเยอะ" ออกตัวแบบนี้สาว เนย อริสรา คงประทับใจแน่นอนเลยจ้าาา


เนย อริสรา


สำหรับสาวหมวยน่ารักอย่าง "เนย อริสรา ศิลปศิริพร" เป็นผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 หลังจากที่โดนชาวเน็ตขุดคุ้ยในเฟซบุ๊กมาและได้มีภาพหลุดกับหนุ่มแทคคนล่าสุด เพราะทั้งคู่ดูสนิมสนมกันมากเป็นพิเศษ..


เนย อริสรา


ขอบคุณภาพและข้อมูลจากอินสตาแกรม @pharunyoo noeyyarisara


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.dailynews.co.th/entertainment/344891

เจียวกู้หลาน เครื่องวัดความดัน กับอาการโรคความดันโลหิตสูง

เครื่องวัดความดัน
เครื่องวัดความดัน


    เจียวกู้หลานคือสมุนไพรไทยที่มีคุณภาพในการจัดการให้ร่างกายมีความแข็งแรงมีสมดุลที่ดีส่งผลให้ร่างกายมีภูมต้านทานต่อต้านทุกโรคเมื่อใช้ เครื่องวัดความดัน เช็คจะพบว่าความดันโลหิตของคุณลดลง โดยการรักษาโรคควรได้รับการดูแลจากหมอและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

  ความรู้เรื่องโรคความดันโลหิตสูงโดย พญ.ภัทรา อังสุวรรณ กลุ่มงานผู้ป่วยนอก สถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า

 โรคความดันโลหิตสูง หรือความดันเลือดสูง เป็นโรคเรื้อรัง และพบได้บ่อยในคนไทย สามารถตรวจได้ง่าย โดยใช้ เครื่องวัดความดัน โลหิตด้วยตัวเอง เครื่องดังกล่าวจะแสดงค่า ความดันโลหิตสองตัว คือ ความดันโลหิตตัวบนและตัวล่าง ในคนปกติจะมีค่าความดันโลหิตไม่เกิน 140 มิลลิเมตรปรอท และความดันตัวล่างไม่เกิน 90 มิลลิเมตรปรอท และความดันเลือดปกติ จะมีค่าความแตกต่างกัน ในแต่ละคนแต่ละอายุ

ถ้าอายุมากขึ้น ความดันเลือดจะสูงขึ้น หรืออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาต่างกันเช่น เมื่อมีอารมณ์เครียด ถ้าใช้ เครื่องวัดความดัน จะพบว่าความดันเลือดอาจจะสูงขึ้นได้ คนปกติ ขณะพัก (จิตใจสงบ ไม่ได้ออกกำลังกายมาใหม่ ๆ ) จะมีค่าสูงสุดของความดันเลือดตามเกณฑ์อายุดังนี้

ในผู้ใหญ่ถ้าความดันเลือดสูงกว่า 160/95 มิลลิเมตรปรอท ควรนอนพัก 5-10 นาที แล้ววัดใหม่ ถ้าได้ค่าความดันเท่าเดิม หรือใกล้เคียงครั้งก่อน ถ้าสูงตลอดจึงถือว่า เป็นความดันเลือดสูงได้


เครื่องวัดความดัน
เครื่องวัดความดัน


เมื่อไหร่จึงเริ่มรักษา ?

โรคความดันโลหิตสูง ตรวจพบได้ด้วย เครื่องวัดความดัน  รักษาไม่ยาก แต่ส่วนใหญ่ละเลยกัน คนทั่วไปเข้าใจว่า ถ้าป่วยเป็นโรคนี้ต้องปวดหัว ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด โรคความดันโลหิตสูงมักไม่มีอาการ เมื่อไหร่ที่มีอาการเช่น ปวดหัว ก็จะพบว่า เป็นโรคความดันโลหิตสูงมานานแล้วหรือเป็นมากแล้ว


อาการความดันโลหิตสูง

ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่อาการที่พบได้ทั่วไปคือ ปวดศีรษะ มักปวดบริเวณท้ายทอย จะเป็นในช่วงเช้า พบใน คนที่มีอาการรุนแรง อาการนี้จะหายไปเองได้แต่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง และอาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ใจสั่น เหนื่อยง่าย ความรู้สึกทางเพศลดลง เลือดกำเดาออก ปัสสาวะเป็นเลือด ตาพร่ามัว


สาเหตุของโรค

ร้อยละ 85-90 ไม่ทราบสาเหตุ ที่เหลือเท่านั้นจึงทราบสาเหตุ อาจเกิดจาก
- โรคไต จะเป็นทั้งโรคไตอักเสบเฉียบพลัน หรือไตวายเรื้อรัง
- โรคเนื้องอกของต่อมหมวกไตบางชนิด
- โรคครรภ์เป็นพิษ แต่เมื่อคลอดบุตรแล้ว ความดันโลหิตจะลดลง
- การใช้ยาสเตียรอยด์หรือสตรีที่ใช้ยาคุมกำเนิด เมื่องดยาคุมกำเนิดแล้วก็จะเป็นปกติ
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจบางชนิด หรือโรคลิ้นหัวใจเออร์ติกรั่ว

เครื่องวัดความดัน
เครื่องวัดความดัน


ข้อปฏิบัติตัว

ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ดูแลน้ำหนัก ให้พอดี เพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น มีความสัมพันธ์โดยตรงกับความดันโลหิตที่สูงขึ้น คนที่น้ำหนักตัวมาก (ถ้ามากเกินร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น) ควรพยายามลดน้ำหนัก เพราะจะช่วยลดความดันลงได้ โดยใช้วิธีการควบคุมปริมาณอาหาร และหมั่นออกกำลังกายพอดีและเหมาะสม

ควรลดปริมาณแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น เดิน วิ่ง ฯลฯ โดยเริ่มฝึกจากวันละน้อยแล้วค่อย ๆ เพิ่มวันละ 2 นาทีทุกวัน จนครบ 30 นาที การวิ่งหรือออกกำลังกาย ควรปรึกษาแพทย์ที่ให้การรักษาอยู่ ไม่ควรออกกำลังกายประเภท ที่ต้องกลั้นหายใจและเบ่ง ยกน้ำหนัก ชักเย่อ วิดน้ำ

งดเหล้าและบุหรี่ หลีกเลี่ยงจากสิ่งที่ทำให้คุณหงุดหงิด โมโห ตื่นเต้น ลดปริมาณไขมันในอาหาร ถ้ามีโรคเบาหวานต้องควบคุมและรักษาเบาหวานให้ดี รับประทานยาตามแพทย์สั่งสม่ำเสมอและไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ไม่ควรหยุดหรือเปลี่ยนยาด้วยตนเอง

สำหรับผู้ป่วยที่กินยาขับปัสสาวะ ควรกินส้มหรือกล้วยเป็นประจำ เพื่อทดแทนโพแทสเซียมที่เสียไปในปัสสาวะ ผู้ที่ป่วยแล้วไม่ได้รับการรักษาหรือปฏิบัติตนเองไม่ถูกต้อง จะมีผลกับอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่น

สมอง - เมื่อใช้ เครื่องวัดความดัน พบว่าความดันโลหิตสูงมาก หลอดเลือดในสมองก็ตีบตันหรือแตกได้ง่าย ทำให้ตกเลือดในสมองได้ง่าย และบ่อยกว่าคนปกติ ทำให้เกิดโรคอัมพาต อัมพฤกษ์ ถ้าความดันสูงมาก ๆ ในทันที อาจจะทำให้ผู้ป่วยปวดศีรษะ ไม่รู้สึกตัวและชักได้ ถ้ารักษาไม่ทันอาจถึงตาย


ตา - ทำให้ตามัวถึงตาบอดได้

หัวใจ - เป็นผลให้หัวใจโต ถ้าเป็นมาก อาจถึงกับหัวใจล้มเหลว มีโอกาสเกิดโรคเส้นเลือดในหัวใจตีบ และกล้ามเนื้อหัวใจตายมากกว่าคนที่มีความดันปกติ

     เจียวกู้หลานฟอร์ยู - เจียวกู้หลานธรรมชาติสำหรับบริโภค เจียวกู้หลานธรรมชาติหรือเจียวกู้หลานป่าให้สมุนไพรดีกว่าเจียวกู้หลานปลูกที่จำหน่ายตามท้องตลาดทั่วๆไป เจียวกู้หลานธรรมชาติหรือเจียวกู้หลานป่ามีประโยชน์และไม่มีสารตกค้าง งานวิจัยเจียวกู้หลานสรุปว่าเจียวกู้หลานเป็นสมุนไพรที่ปลอดภัย และเป็นที่น่าสนใจว่าจะใช้แทนยาเคมีในอนาคต

   เจียวกู้หลานฟอร์ยู นำเสนอรายละเอียดเพื่อเป็นประโยชน์ในการใช้สมุนไพรไทย ให้ประโยชน์สูงกว่าสารเคมี ในยาเตมีที่ก่อโทษและสารตกค้างต่อร่างกาย ปัจจุบัน กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้ยาสมุนไพรเป็นยาหลักใช้ในโรงพยาบาลแล้ว

   การใช้สมุนไพร จึงเป็นทางเลือกๆ หนึ่ง ที่ช่วยให้เราแข็งแรง เมื่อร่างกายแข็งแรงการต้านทานต่อสิ่งที่ทำร้ายร่างกายจึงดีขึ้น

  เจียวกู้หลานสมุนไพรไทยคุณภาพจากเจียวกู้หลานฟอร์ยู -เจียวกู้หลานธรรมชาติสำหรับบริโภค เจียวกู้หลานธรรมชาติหรือเจัยวกู้หลานป่าให้สมุนไพรดีกว่าเจียวกู้หลานปลูกที่จำหน่ายตามท้องตลาดทั่วๆไป เจียวกู้หลานธรรมชาติหรือเจียวกู้หลานป่ามีประโยชน์และไม่มีสารตกค้าง งานวิจัยเจียวกู้หลานสรุปว่าเจียวกู้หลานเป็นสมุนไพรที่ปลอดภัย และเป็นที่น่าสนใจว่าจะใช้แทนยาเคมีในอนาคต

  เจียวกู้หลานป่าหรือเจียวกู้หลานธรรมขาติ จากยอดดอยสูงมากกว่า 1500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ไม่มีมลพลพิษปลอดภัยจากโลหะหนักทั้งปวง กรรมวิธีไม่ใช้วิธีการแปรรูปโดยการหมัก จึงให้สมุนไพรเต็มจำนวนดีต่อร่างกาย


เจียวกู้หลานป่าสมุนไพรไทยคุณภาพจากยอดดอย

เครื่องวัดความดัน


   เจียวกู้หลานสมุนไพรไทยคุณภาพจากเจียวกู้หลานฟอร์ยู -เจียวกู้หลานธรรมชาติสำหรับบริโภค เจียวกู้หลานธรรมชาติหรือเจียวกู้หลานป่าให้สมุนไพรดีกว่าเจียวกู้หลานปลูกที่จำหน่ายตามท้องตลาดทั่วๆไป เจียวกู้หลานธรรมชาติหรือเจียวกู้หลานป่ามีประโยชน์และไม่มีสารตกค้าง งานวิจัยเจียวกู้หลานสรุปว่าเจียวกู้หลานเป็นสมุนไพรที่ปลอดภัย และเป็นที่น่าสนใจว่าจะใช้แทนยาเคมีในอนาคต


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://jiaogulan.orgfree.com/jiaogulan-jiaogulan4u-666.html

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Shamer's Daughter เรื่องราวเหนือจินตนาการของ ดีน่า เด็กสาวผู้ได้รับพลังวิเศษ

Shamer's Daughter
Shamer's Daughter


เรื่องย่อ Shamer's Daughter

เรื่องราวสุดเหนือจินตนาการของ ดีน่า ลูกสาวผู้ได้รับพลังวิเศษสืบทอดจากผู้เป็นแม่ เธอสามารถมองทะลุเข้าไปในจิตใจของผู้คนและทำให้เขาผู้นั้นเผยความชั่วร้ายออกมาจากจิตใจได้ จนกระทั่งแม่ของเธอถูกคนในประสาทดันอาร์คเรียกไปตัดสิน นิโกเดมัส (จาคอบ ออฟเทโบร) ลูกชายทายาทขุนนางว่าได้ฆาตกรรมครอบครัวของเขาหรือไม่ สุดท้ายเธอประกาศว่าเขาไม่ผิด แต่ ดรากาน (ปีเตอร์ ปรากเบิร์ก) พี่น้องร่วมบิดากับ นิโกเดมัส ไม่พอใจคำตัดสินจึงได้พา ดีน่า มาที่ประสาทเพื่อตัดสินอีกครั้ง ยิ่ง ดีน่า พยายามสืบค้นเข้าไปหาตัวฆาตกรที่แท้จริงมากเท่าไหร่ เธอกลับยิ่งพบความลี้ลับรวมถึงเวทย์มนตร์อันศักดิ์สิทธิ์ และมังกรวายร้ายที่จ้องทำลายเธอ เรื่องราวสุดตื่นเต้นผจญภัยที่ทำให้ชีวิตเธอต้องตกอยู่ในอันตรายและการแย่งชิงราชบัลลังก์ดันอาร์คที่จะทำให้โลกลุกขึ้นเป็นไฟ!


Shamer's Daughter


เกร็ดจากภาพยนต์ Shamer's Daughter

1. สร้างจากนิยายแฟนตาซีขายดีของเดนมาร์กจากฝีมือของ เลเน่ คาเบอร์บัวร์ และถูกนำไปแปลกว่า 25 ประเทศทั่วโลก โดยนิยายมีทั้งหมด 4 เล่มจบ 2. ภาพยนตร์ระดมทีมสร้างวิชวลเอฟเฟต์จากภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ของฮอลลีวู้ดมากมาย อาทิ Avengers: Age of Ultron, Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 2, John Carter, The Hobbit: An Unexpected Journey, Man of Steel, Iron Man 3, Pirates of the Caribbean: On Stranger Tides, Guardians of the Galaxy, Thor: The Dark World และ Pacific Rim 3. นักเขียนบท อันเดรส โธมัส เจนเซ่น เป็นมือเขียนบทภาพยนตร์รางวัลออสการ์ In a Better World (2010) และเคยชนะรางวัลออสการ์ สาขาหนังสั้น Live-Action เรื่อง Valgaften (1999) มาแล้ว


Shamer's Daughter


ผู้กำกับ : Kenneth Kainz
นักแสดง : อลัน ไฮด์ ,จาคอบ ออฟเทโบร ,มารี บองเนวี
ค่ายภาพยนตร์ : Nepenthe Film


คลิปตัวอย่างภาพยนต์ Shamer's Daughter



เข้าฉาย วันที่ 10 กันยายน ในโรงภาพยนต์

เตือนภัยเงียบความดันโลหิตสูง ส่งผลคนไทยป่วยอัมพาต หัวใจวาย! ควรซื้อ เครื่องวัดความดัน มาไว้ตรวจที่บ้าน

เครื่องวัดความดัน


เตือนภัยเงียบความดันโลหิตสูง ส่งผลคนไทยป่วยอัมพาต หัวใจวาย! 

          โรคความดันโลหิตสูงสามารถเช็คได้ด้วย เครื่องวัดความดัน เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต) ไตวาย โรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจขาดเลือด หัวใจล้มเหลว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาเหตุแห่งการเสียชีวิตที่สำคัญของคนไทย เป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิตเนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มีอาการเตือน  ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ ได้แก่ กรรมพันธุ์ เช่น มีพ่อ แม่ พี่น้อง เป็นโรคความดันโลหิตสูง และอายุตั้งแต่ 35 ปี ขึ้นไป  ส่วนปัจจัยเสี่ยงควบคุมได้ ได้แก่ รับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัด หวานจัด มันจัด ไขมันในเลือดสูง ภาวะเบาหวาน ขาดการออกกำลังกาย อ้วนหรือมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น เครียดเรื้อรัง สูบบุรี่ และดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

          อาการเตือนของโรคความดันโลหิตสูง ส่วนมากจะไม่แสดงอาการเตือนแต่สามารถตรวจเช็คได้ด้วย เครื่องวัดความดัน มักจะตรวจพบโดยบังเอิญขณะไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาจากปัญหาอื่น มีบางรายที่อาจมีอาการเตือน เช่น ปวดมึนท้ายทอย วิงเวียน ปวดศีรษะตุบๆ หากเป็นมานานหรือความดันโลหิตสูงมากๆ อาจมีอาการเลือดกำเดาไหล ตามัว ใจสั่น มือเท้าชา เมื่อเกิดอาการผิดปกติ จึงควรรีบไปพบแพทย์เพื่อจะได้รับการรักษาได้ถูกต้องและทันท่วงที  ภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตมีผลกระทบต่อหลายอวัยวะของร่างกาย คือ ต่อหัวใจ อาจเกิดหัวใจโต และหลอดเลือดหัวใจหนาตัวและแข็งขึ้นทำให้เกิดหัวใจขาดเลือด หรือหัวใจล้มเหลว  ต่อสมอง อาจเกิดเส้นเลือดในสมองอุดตันหรือแตกได้ เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตหรือเสียชีวิตทันที  ต่อไต อาจเกิดภาวะไตวายเรื้อรัง ซึ่งนำไปสู่การคั่งของสารพิษในร่างกาย อาจถึงตายได้  ต่อตา อาจเกิดเลือดออกที่ตา ตามัวจนถึงตาบอดได้ ต่อหลอดเลือด อาจทำให้หลอดเลือดตีบแคบ หรือโป่งพอง มีผลให้เลือดไปเลี้ยงแขนขา และอวัยวะภายใยน้อยลงจนเดินไม่ได้ไกล เพราะปวดขาจากการขาดเลือด

การป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ให้แก้ไขเรื่องพฤติกรรมการกินอาหารโดยเฉพาะควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็ม เพราะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ชิมอาหารก่อนรับประทาน ฝึกการรับประทานอาหารที่มีรสชาติพอเหมาะไม่เค็ม  หากซื้ออาหารกระป๋อง ผักดอง และอาหารสำเร็จรูป ควรอ่านฉลากอาหารทุกครั้งและเลือกชนิดที่มีเกลือโซเดียมต่ำหรือน้อย ลดการใช้น้ำปลา เกลือเครื่องปรุงรส (โดยปกติควรบริโภคเกลือไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน ) หันมาใช้เครื่องเทศแทนและสมุนไพรแทน เช่น หัวหอม กระเทียม ขิง พริกไทย มะนาว งดบริโภคอาหารมักดอง ขนมกรุบกรอบ ไม่วางเครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น น้ำปลา ซอส ซีอิ้วขาว ไว้บนโต๊ะอาหาร เลือกซื้อผักผลไม้ และเนื้อสัตว์ที่สดใหม่มาปรุงอาหารรับประทานเอง เพิ่มปริมาณการกินผักและผลไม้ไม่หวานให้มากขึ้น ออกกำลังกายประมาณวันละ 30 นาทีขึ้นไป 5 วันต่อสัปดาห์ หรือทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างกระชับกระเฉง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=3209

วันสารทจีน 2558 ตรงกับวันที่ 28 สิงหาคม

วันสารทจีน
วันสารทจีน

         วันสารทจีน 2558 ตรงกับวันที่ 28 สิงหาคม ว่าแต่ ไหว้วันสารทจีน 2558 ต้องทำอย่างไร ของไหว้วันสารทจีน 2558 มีอะไรบ้าง เรามีบทความมาฝาก

          วันสารทจีน 2558 หรือ วันสารทจีน 2558 ตรงกับวันที่ 28 สิงหาคม ตามปฏิทินจีนโบราณ เดือน 7 ถือเป็นเดือนสำคัญที่ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และยังเป็นเวลาที่ประตูนรกเปิดให้บรรดาภูตผีออกเร่ร่อนตามสถานที่ต่าง ๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้อาถรรพ์ ชาวจีนจึงมีการเซ่นไหว้ด้วยของไหว้ วันสารทจีน หลากความหมาย ที่ปฏิบัติสืบกันมาเนิ่นนานใน.. เทศกาล วันสารทจีน

          ทั้งนี้ ในรอบหนึ่งปี คนจีนจะมีไหว้เจ้าใหญ่ 8 ครั้ง เรียกว่าไหว้ 8 เทศกาลโป๊ะโจ่ย การไหว้เจ้า สารทจีน หรือ วันสารทจีน ถือเป็นการไหว้ครั้งที่ 5 ตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ซึ่งถือกันว่าเป็นเดือนผี เป็นเดือนที่ประตูนรกปิด-เปิดให้ผีทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้

          ตำราจีนหนึ่งกล่าวไว้ว่า วันที่ 15 เดือน 7 เป็นวันที่เช็งฮีไต๋ตี๋จะตรวจดูบัญชีวิญญาณคนตาย ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์ และส่งวิญญาณร้ายลงนรก ชาวจีนทั้งหลายรู้สึกสงสารวิญญาณร้าย จึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ นรกจึงเปิดประตู เพื่อให้วิญญาณร้ายออกมารับกุศลผลบุญได้ ใน วันสารทจีน นั่นเอง

          การไหว้ในเทศกาลวันสารทจีน ต่างจากการไหว้ในเทศกาลอื่น ๆ ตรงที่แบ่งการไหว้วันสารทจีน ออกเป็น 3 ชุด ดังนี้

วันสารทจีน
วันสารทจีน

           ของไหว้วันสารทจีน ชุดแรก สำหรับไหว้เจ้าที่ จะไหว้ในตอนเช้า มีอาหารคาวหวาน ขนมไหว้ สารทจีน ก็ใช้ ถ้วยฟู กุยช่าย ซึ่งต้องมีสีแดงแต้มเป็นจุดเอาไว้ ส่วนขนมไหว้พิเศษที่ต้องมีซึ่งเป็นประเพณีของ  วันสารทจีน คือ ขนมเข่ง ขนมเทียน นอกจากนั้นก็มีผลไม้ น้ำชา หรือเหล้าจีน และกระดาษเงินกระดาษทอง

           ของไหว้วันสารทจีน ชุดที่สอง สำหรับไหว้บรรพบุรุษ คล้ายของไหว้เจ้าที่ พร้อมด้วยกับข้าวที่บรรพบุรุษชอบ ตามธรรมเนียม วันสารทจีน ต้องมีน้ำแกง หรือขนมน้ำใส ๆ วางข้างชามข้าวสวย และน้ำชา จัดชุดตามจำนวนของบรรพบุรุษ และที่ขาดไม่ได้ในเทศกาล วันสารทจีน ก็คือ ขนมเข่ง ขนมเทียน ผลไม้ และกระดาษเงินกระดาษทอง

           ของไหว้วันสารทจีน ชุดที่สาม สำหรับไหว้วิญญาณพเนจร ซึ่งไม่มีลูกหลานกราบไหว้ เรียกว่า ไป๊ฮ๊อเฮียตี๋ จะต้องไหว้นอกบ้าน ของไหว้ วันสารทจีน มีทั้งของคาวหวานกับผลไม้ตามต้องการ และที่พิเศษคือ มีข้าวหอมแบบจีนโบราณ คอปึ่ง เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง จัดทุกอย่างวางอยู่ด้วยกันสำหรับเซ่นไหว้ ใน วันสารทจีน

เทพแห่งโชคลาภ ไหว้เจ้าวันสารทจีน

วันสารทจีน
วันสารทจีน

          ในช่วงหลายสิบปี เทพแห่งโชคลาภที่บันทึกไว้ในระบบความจำของตี๋หมวยใหญ่น้อยทั้งหลายคือ "ฮก-ลก-ซิ่ว" เทพยอดนิยมอมตะนิรันดร์กาล ที่ไม่ว่าจะเป็นจีนเชื้อสายใด เป็นคนรุ่นไหน ฮก-ลก-ซิ่ว คือเทพที่อยู่ในความศรัทธามายาวนาน ที่สามารถเข้าได้กับทุกงานมงคล ตั้งแต่งานขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน เปิดสำนักงาน วันเกิด ฯลฯ

          หรือหากเป็นเมื่อประมาณ 5-6 ปีผ่านมา "ไฉ่ สิ่ง เอี๊ย" หรือเทพแห่งทรัพย์ เริ่มยึดครองพื้นที่ศรัทธาในใจผู้คนมากขึ้น เพราะไม่ว่าคนรวยคนจนไหว้พระไหว้เจ้าก็ไม่พ้นเรื่องของเงินทอง

          ส่วนเทพแห่งโชคลาภของจีนมี 7 องค์ด้วยกัน คือ พระยูไล พระโพธิสัตว์กวนอิม พระสังกัจจายน์ พระจี้กง เทพแห่งเงินตราทั้ง 4 ในศาสนาพุทธ เซียนคู่ และเทพฮก


          หลายองค์ที่กล่าวถึงนั้นเป็นเทพที่คุ้นเคยใกล้ชิดไม่เฉพาะแต่คนจีน หากรวมถึงคนไทยจำนวนไม่น้อยทีเดียว เช่น พระโพธิสัตว์กวนอิม ที่เรามักเรียกกันว่าเจ้าแม่กวนอิม พระสังกัจจายน์ ที่นั่งยิ้มแฉ่งรับญาติโยม

            พระโพธิสัตว์กวนอิม ว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นมา หาได้มีตัวตนจริงไม่ แต่เมื่อสร้างแล้วมีผู้กราบไหว้บูชามากมาย จึงพยายามผูกเป็นเรื่องให้เข้ากับประวัติศาสตร์จีน โดยจัดเรื่องให้พระโพธิสัตว์เป็นพระราชธิดาของพระราชาองค์หนึ่ง…กล่าวไว้ว่าพระนางนั้นเดิมเป็นพระธิดาของ พระเจ้าเมี่ยว จวง หวาง ทรงพระนามว่า เมี่ยวซ่าน ทรงฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ไม่ยอมเข้าสู่พิธีอภิเษกสมรสตามพระประสงค์ของพระบิดา

          ต่อมาได้เทพทางศาสนาเต๋า คือเทพไท้ไป๋ ซิง จวิน ชี้แนะ จึงได้บำเพ็ญบารมีจนตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์…ด้วยศาสนาพุทธและศาสนาเต๋าล้วนเข้าไปสู่วิถีชีวิตของชาวจีนอย่างแยกกันไม่ออก พระโพธิสัตว์กวนอิมของศาสนาพุทธจึงกลายเป็นเทพของศาสนาเต๋าไปด้วย ไม่ว่าใครจะเป็นพุทธศาสนิกชนก็ได้ เป็นผู้ที่นับถือศาสนาเต๋าก็ดี ล้วนกราบไหว้พระโพธิสัตว์องค์นี้กันทั้งนั้น…

           พระสังกัจจายน์ หรือพระยิ้ม หรือเรียกกันทั่วไปว่าพระถุงย่าม…ที่รู้จักกันของชาวจีนว่าคือ พระหมี เล่อ โฝว นั้นเป็นนามเรียกขานเดียวกับพระศรีอริยเมตไตรย แต่แท้จริงแล้วพระยิ้มอาจไม่ใช่พระศรีอริยเมตไตรยก็ได้ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระประหลาด…ที่มีรูปร่างอ้วนเตี้ย พุงยุ้ย มักใช้ไม้เท้าที่ทำจากไม้ไผ่เกี่ยวถุงผ้าแล้วแบกไว้บนบ่า มักปรากฏกายไปบิณฑบาตในตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา พูดจาผิดจากคนทั่วไป ค่ำที่ไหนนอนที่นั่น ที่ไหน ๆ ก็นอนได้หมด มักจะบอกเล่าและทำนายเรื่องในอนาคตที่จะเป็นอันตรายต่อผู้คน ราวกับเป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน

          ความจริงแล้วสิ่งที่ติดตัวของท่านก็มีเพียงถุงย่ามใบเดียว ท่านมักจะนำของบิณฑบาตมาได้เทรวมลงไปในถุงย่าม ผู้คนเข้ามามุงดู ท่านจะพูดกับคนเหล่านั้นด้วยคำพูดที่เปรียบเทียบให้คนรู้เห็นธรรมอันแท้จริง บางคนบอกว่าท่านเป็นเทพเจ้า บางคนก็ว่าท่านเป็นบ้า…

           พระหมีเล่อ หรือพระศรีอริยเมตไตรย เป็นเสียงเรียกขานตามภาษาสันสกฤต Maitreya ความหมายก็คือผู้มีความเมตตา เป็นนามของพระโพธิสัตว์หมีเล่อของศาสนาพุทธมหายาน กล่าวกันว่า ท่านเป็นบุตรตระกูลพราหมณ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งหมู่บ้านเจี่ยพอหลีชุน แห่งหนานเทียนจู๋ ของอินเดียโบราณ

          พระศรีอริยเมตไตรยได้ตรัสรู้ก่อนพระศรีศากยมุนี จากนั้นก็ประทับอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต ในแดนสุขาวดีพุทธเกษตรทางทิศตะวันตก…พระองค์ทรงดูแลความสุขของมวลมนุษยชาติสืบต่อจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวกันว่าในยุคของพระองค์จะมีแต่สิ่งดี ๆ ความสวยงาม และความสุข…

           พระจี้กง หลายท่านรับรู้เรื่องราวของท่านในฐานะ "พระคนยาก" เพราะภาพลักษณ์ของพระที่แต่งตัวปอน ๆ ด้วยจีวรเก่าซอมซ่อ และมีขวดน้ำเต้าบรรจุเหล้าติดตัวอยู่เสมอ หากเบื้องลึกของพระจี้กงที่ได้กล่าวไว้คือ พระจี้กงเป็นชาวไถโจว ปัจจุบันคืออำเภอหลินไห่ ของมณฑลเจ้อเจียง นามเดิมของท่านคือหลี่ ซิน หย่วน ท่านออกบวชที่วัดหลิงอวิ่นซื่อ ที่เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง…เนื่องจากพระจี้กงไม่นิยมปฏิบัติตามกฎของสงฆ์ ชอบกินเนื้อสัตว์และดื่มเหล้า อีกทั้งมีท่าทางเหมือนคนบ้า ผู้คนจึงเรียกท่านว่าพระบ้า

          พระจี้กงมีจิตใจเมตตา ชอบช่วยเหลือคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม อีกทั้งดูถูกพวกข้าราชการที่ชอบกินสินบนและกดขี่ข่มเหงประชาชน การปฏิบัติตัวของพระจี้กงเป็นที่นิยมนับถือของประชาชนทั้งหลาย จนเรียกกันว่า ท่านคือพระโพธิสัตว์หรือพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิดในยุคปัจจุบัน…"

          ข้อความข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพระเจ้าใกล้ตัว ที่หลายท่านคุ้นเพราะเคยได้ยิน ได้ฟังเรื่องราวจากผู้เฒ่าผู้แก่มาตั้งแต่เด็ก ในเชิงของตำนานพื้นบ้านที่มีอภินิหารผสมอยู่ด้วย เล่าสู่กันฟังเพื่อความสนุก จึงอยากเชิญให้ท่านลองทำความรู้จักกับพระเจ้าองค์เดิมที่นับถือมานาน รวมถึงพระเจ้าองค์อื่น ๆ ที่เหลือในแง่มุมที่มีหลักฐานอ้างอิงได้ ตลอดจนสถานะของเทพแห่งโชคลาภ เผื่อการไหว้พระไหว้เจ้าในวันสารทจีนจะมีคุณค่า และความหมายยิ่งขึ้น

          ที่สำคัญ วันสารทจีน สะท้อนให้คนเราเห็นว่า เมื่อมีชีวิตอยู่ควรกระทำตัวให้เป็นบรรพบุรุษที่ดี ให้ลูกหลานเคารพ และกราบไหว้บูชาแม้ยามจากไป ยังดีกว่าจะรอให้คนทั่วไปมาเซ่นไหว้ตามข้างทาง ขึ้นอยู่ที่ว่า..คุณ !! จะเลือกเป็นบรรพบุรุษแบบไหน

          และในปีนี้ขอให้คนจีนไหว้เจ้า วันสารทจีน ทุกคนช่วยกันรณรงค์ไหว้เป็นผลไม้ไทย และซื้อสินค้าไทยไหว้เจ้ากัน

     
ภาพจาก  irrigation.rid.go.th
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://hilight.kapook.com/view/14824

เลี่ยงได้ 3 อย่างนี้ จะลดความดันโลหิตได้

เครื่องวัดความดัน


                ความดันโลหิตสูง สามารถวัดได้ด้วย เครื่องวัดความดัน  เป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่คุกคามคนไทย  และนับวันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  หลายคนเข้าใจว่าความดันโลหิตสูงนั้นเป็นภาวะที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุเท่านั้นซึ่งในความเป็นจริงแล้วคนในวัยทำงานวัยรุ่น  หรือแม้แต่เด็กก้อาจมีความดันโลหิตสูงได้

                หากปล่อยให้ร่างกายมีภาวะความดันโลหิตสูงเป็นระยะเวลานานๆ  ก็ยิ่งจะทำให้อวัยวะต่างๆ  ของร่างกายถูกทำลายลงไปทุกขณะ  และนี่แหละคือ “อันตราย”  ของการที่มีความดันโลหิตสูง  เพราะภาวะความดันโลหิตสูง  ถือเป็นตัวบ่งชี้สัญาณการมาของโรคหลอดเลือด  ทิ  เส้นเลือดในสมองแตก  โรคหลอดเลือดหัวใจ  หรือไตวาย  เป็นต้น ดังนั้นจึงควรซื้อ เครื่องวัดความดัน มาไว้ตรวจเช็คจากที่บ้านของคุณเอง

                การได้รู้ถึงระดับความกันโลหิต  การป้องกัน  และลดความดันโลหิตนั้น  จึงเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดี  เพื่อลดดอกาสของการนำไปสู่ภาวะอันตรายต่างๆ

                มีพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน 3 ประการที่คุณควรเลี่ยง  เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะจากความดันโลหิตสูงลงแม้ว่าหลายคนจะบอกว่า 3 ประการนี้แหละที่เลี่ยงยากที่สุด  แต่ก็อยากให้มองไปถึงผลที่ยิ่งใหญ่จากการเลี่ยง  ลด  ละ  เลิก  พฤติกรรมทั้ง 3 ประการนี้  ซึ่งจะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้าย  และอันตรายจาก “ความดันโลหิตสูง”  ไดอย่างแน่นอน


เลี่ยงกาแฟ
เครื่องดื่มที่จำเป็นต้องเลี่ยง  คือ  ชา  กาแฟ  เพราะจะมีผลต่อความดันโลหิตโดยตรง  เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่พูดง่ายทำยาก  มีคนจำนวนมากที่ติดกาแฟเป็นนิสัย  ดงันั้น  กำหนดเป้าหมาย  การควบคุมความดันโลหิตอีกข้อหนึ่งของคุณไว้ที่การลด  ละ  เลิก  ชา  กาแฟ  ลงให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด


เลิกบุหรี่
ในบุหรี่  มีสารตัวร้ายที่คุณก็รู้  นั้นคือ  “นิโคติน”  ที่ส่งต่อระดับของความดันโลหิต  และยิ่งจำนวน “มวน”  มากขึ้นเท่าไหร่  ปริมาณนิโคตินที่เข้าสู่ร่างกายก็มากขึ้นตามไปด้วย  และนิโคตินยังไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแอพริเนฟริน  ซึ่งมีผลต่อความดันโลหิตโดยตรง  เริ่มการเลิกบหรี่ของคุณ  ด้วยความตั้งใจเริ่มต้นในการลด “จำนวน”  ลงทีละมวน  โดยกำหนดระยะเวลาที่แน่ชัดเป็นเป้าหมายด้วย


งดเหล่า  เบียร์
สิ่งหนึ่งที่พบเป้นประจำ  คือ  ผุ้ที่ดื่มเหล้ามักสูบบุหรี่  และดื่มชาหรือกาแฟ  ดังนั้น  เมื่อคุณกำหนดให้ตัวคุณเอง  ลด  ละเลิก  อย่างใดอย่างหนึ่ง    ก็มีความเป็นไปได้ว่า  อีก 2 ประการจะลดปริมาณลงตามไปด้วย  อาทิ  ไม่ดื่มเหล้า  ก็สูบุหรี่น้อยลง  แต่หากไม่สามารถทำได้  ให้ทำเท่าที่เหมาะสม  และคิดว่าทำได้จริง  เช่น  งดเหล้าก่อน  ค่อยลดปริมาณการสูบบุหรี่น้อยลง  เพราะหากคุณเข้ามงวดเกินไป  คุรอาจเลิกล้มความตั้งใจในเร็ววัน  มากกว่าที่จะทำต่ไปจนสำเร็จอย่างน้อยอย่างใดอย่างหนึ่ง  แต่จำไว้ว่า  ทั้ง 3 ประการนั้นเกี่ยวกันกัน  เหล้าทำให้คุณควบคุมตัวเองลำบาก  กาแฟอาจจะทำให้คุรเคยชินที่จะต้องสูบบุหรี่ไปด้วย  บางครั้งการเลิกอย่างใดอย่างหนึ่งอาจจยากกว่าการเลิกพร้อมกัน  ทั้ง  เหล้า  บุหรี่  และชา กาแฟ


มีรายงานผลการวิจัยทำในประเทศฝรั่งเศส ปี 2002  กับกลุ่มตัวอย่าเพศชายจำนวน 12,417  ราย  ทั้งที่เคยสูบบุหรี่  และไม่เคยสูบบุหรี่  และกลุ่มที่ยังคงสูบบุหรี่อยู่ในปัจจุบัน เมื่อนำ เครื่องวัดความดัน มาวัดค่าความดันโลหิตพบว่ากลุ่มที่ยังคงสูบบุหรี่อยู่  มีอัตราการผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมากที่สุด  และลดลงตามลำดับจากผู้ที่คนเคยสูบแล้วเพิ่มเลิกสูบไม่นาน  ไปจนถึงเลิกสูบนานแล้ว  ส่วนใครที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย  มีอัตรการเกิดความดันโลหิตสูงน้อยที่สุด

5. ขั้นตอนดับบุหรี่

                เมื่อคุรตั้งใจแล้วว่า  คุณจะเลิกสูบบุหรี่แน่นอนแล้ว  และกำลังมองหาแรวทางการเลิกบุหรี่ที่เหมาะสมกับคุณ  ลองมาดู 5 ขั้นตอนของการเลิกสูบบุหรี่  คือ

กำหนดวันที่แน่นอนที่คุณจะ “เลิกสูบบุหรี่”  ให้ได้
เขียนเหตุผลในการที่คุณควรที่จะ “เลิกสูบบุหรี่  เอาไว้ในสมุดบันทึก  เพื่อหยิบขึ้เนมาอ่านทุกครั้งที่คุรเริ่มลังเล
ฟิตร่างกาย  งดดื่มกาแฟ  เพื่อให้ร่างสามารถนอนหลับได้หลังจากเลิกบุหรี่แล้ว
ผ่อนคลายความเครียดด้วยการออกกำลังกาย  และดื่มเครื่องดื่มประเภทน้ำสมุนไพร  เพื่อผ่อนคลาย
หากมีอาการไอ  รักษาอาการไอด้วยยาแก้ไอ  หรือยาอม
เมื่อคุรเลิกสูบบุหรี่ได้สักพักหนึ่ง  น้ำหนักคุณจะพิ่มากขึ้น  หลายคนกลับไปสูบบุหรี่อีก  เพราะเอาสาเหตุนี้มาใช้เป็นข้ออ้าง  แต่ความเป็นจริงแล้ว  มีหลายวิธีที่จะควบคุมน้ำหนักลงได้  น้ำหนักที่เกินมาไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด

คนส่วนใหญ่สูบบุหรี่เพราะสาเหตุ “เครียด”  จนทำให้ติดกลายเป็นนิสัย  ความเครียดทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียว  แต่หากเครียดแล้วสูบบุหรี่ เมื่อใช้ เครื่องวัดความดัน ก็พบว่าเป็นแนวทางที่จะยิ่งเสริมให้ความดันเพิ่มมากขึ้นไปอีก  ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายทั้ง 2 ประการ

เชื่อหรือไม่ว่าผุ้ที่เลิกสูบบุหรี่ได้  หลังจากที่กำหนดแผนการสูบบุหรี่แล้ว  กลับมาสูบบุหรี่ใหม่ภายใน 3 เดือนแรกหลังจากที่งดสูบบุหรี่ไปได้  เหตุผลอาจมาจากการที่เข้าชื่อมั่นว่า  เขาสามารถทำได้  และผลของความเชื่อนั้นได้รับการพิสูจน์แล้ว  ว่าเขาทำได้จริง  จึงซะล่าใจว่ากลับมาสูบบุหรี่ใหม่ก็ได้ไม่เป็นไร  เพราะว่า “สูบได้ก็เลิกได”  แนวคิดนี้ไม่จริง  หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดเช่นนี้  รับเปลี่ยนแปลงความคิดคุณเสีย  เพราะว่า  ท้ายที่สุดแล้ว  คุณจะพบว่า  ตัวคุรเองยังคงสูบบุหรี่อยู่  ทั้งที่รู้ว่าตัวเองทำได้

หากว่าความตั้งใจของคุณครั้งแรกไม่ประสบผลสำเร็จ  อย่าเพิ่งท้อถอยให้คุณกลับไปเริ่มกระบวนการ “เลิกบุหรี่”  ใหม่ให้เร็วที่สุด  ทำซ้ำๆ  เช่นนี้  จนกว่าคุรจะเลิกได้สำเร็จ  อย่าลืมว่าเป้าหมาย  คือการเลิกบุหรี่ให้สำเร็จ  ไม่ใช่การทำไห้ได้เพียงครั้งเดียว

หากคุณไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ด้วยตัวเองจริงๆ  มีวิธีการบำบัดเพื่อการเลิกสูบบุหรี่อีกหลายแนวทางเช่น  การใช้สารทดแทนนิโคติน  ยาเลิกบุหรี่  หรือนวัตกรรมใหม่  เช่น  น้ำยาหยดเพื่อลดปริมาณนิโคตินจากบุหรี่แต่ละมวน  คุรสามารถปรึกาแพทย์  หรือโทรสายดวนเพื่อการเลิกบุหรี่ 1600  แต่ขอย้ำอีกครั้งว่าบุหรี่นั้นเกี่ยวพันกับความโลหิตสูงโดยตรง  แถมพกด้วยโรคร้ายต่างๆ  มากมาย  ใน 3 พฤติกรรมนี้ที่คุณเลี่ยงให้ได้มากที่สุด  คือ บุหรี่นั้นเอง

นอกจากบุหรี่แล้วรองลงมาคือ แอลกฮอล์  ไม่ว่าจะเป็นเหล้า  เบียร์  หรือไวน์  หากคุณเป็นคนที่ติดเครื่องดื่มแอลกอออล์อย่างหนัก  จำไว้ว่า  การงดดดยเด็ดขาด  หรือ “หักดิบ”  นั้นอัตรายต่อร่างกายอย่างมากเพราะความดันโลหิตของคุรจะเพิ่มสูงขึ้น  จนอาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้  ให้พยายามลดปริมาณการดื่มลงเรื่อยๆ  โดยใช้วิธีกำหนดเป้าหมายเช่นเดียวกับการเลิกบุหรี่

การเลิกเหล้า  หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจจะทำให้ยากกว่าการเลิกบุหรี่  เพราะจากผลวิจัย  พบว่ามีกลุ่มคนที่จัดเป็นพวกติดเหล้าเพียง  ร้อยละ 4 เท่านั้น  ที่สามารถเลิกเหล้าได้ด้วยตัวเอง  แล้วมีสติกกลับคืนมาได้เหมือนเดิมภายในเวลา 1 ปี  แต่หากได้รับการบำบัดรักษา  จะมีดอกาศเลิกเหล้าเพิ่มมากขึ้นถึง  ร้อยละ 50 ดังนั้นหากคุณเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ  พวกที่ติดเหล้าแล้วได้รับการทำกลุ่มบำบัดมีโอกาสเลิกได้มากถึงร้อยละ 90

ส่วนชา  กาแฟ  นั้นมี  คาเฟอีนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญซึ่งทำให้คุณ  “ติด”  ปริมาณคาแฟอีนในกาแฟ 1 แก้ว  มีแต่ปริมาณตั้งแต่ 100 มิลลิกรัม  จนถึง 300 มิลลิกรัม  แล้วแต่ปริมาณและชนิดของกาแฟ  ดังนั้น  ยิ่งจำนวนแก้วมาขึ้นปริมาณคาเฟอีนย่อมมากขึ้นตามไปด้วย  วีการที่คุณจะเริ่มลด “คาเฟอีน”  ในรางกาย  ทำได้ 2 ทาง  คือ  ลดปริมาณกาแฟที่ใส่ลงไปในแต่ละแก้ว  จาก 2 ช้อนชา  อาจเหลือ 1 ช้อนชา  เหลือครึ่งช้อนชา  และลดความถี่ในการดื่มกาแฟลง  จาก  เช้า – เย็น  เหลือ  เช้าอย่างเดียว  แล้วค่อยทดแทนด้วยเครื่องดื่มที่มีคุณค่าต่อร่างกายมากขึ้น  เช่น  นมพร่องมันเนยเวลาเช้า  หรือหากคุณเริ่มทำกิจกรรมการออกกำลังกายตอนเช้า  เวลาที่เคยเป็นเวลากาแฟ  ก้จะเปลี่ยนเป้นเวลาออกกำลังกาย  ความรู้สึกอยากดื่มกาแฟตามกิจนิสัยจะหายไป

พฤติกรรมที่ทำเป็นประจำทั้ง 3  ประการนั้น  จัดอยู่ในกลุ่มของการ “ติด”  ทั้งติดสารที่ข้างใน  และติดใจบรรยากาศความเพลิดเพลิน  ติดจนต้องกระทำเป้นประจำ  การจะเลี่ยง  ลด  ละเลิกได้ จำเป็นต้องมีสติ  พิจารณาให้ถ้วนทั่วว่าคุณ “ติด”  สิ่งเหล่านั้นเพราะอะไร  แล้วทำไมคุณจึงสมควรเลี่ยง  และเลิก

                ไม่มีอะไรยากไปกว่าที่คุรตั้งใจ

                และไม่มีอะไรที่คุณจะทำไม่ได้หากคุรเชื่อมั่น

ที่มา : นิตยสารใกล้หมอ


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.krabork.com/2010/06/01/3-เลี่ยง-ลดความเลี่ยงจากความดันโลหิตสูง/

ศาลฎีกาสั่งจำคุก วิโรจน์ นวลแข ฐานปล่อยกู้แบงค์โดยมิชอบ พร้อมออกหมายจับ ทักษิณ

วิโรจน์ นวลแข


คุกวิโรจน์18ปีคดีกรุงไทย พ่วงออกหมายจับทักษิณ

ศาลฎีกานักการเมือง สั่งจำคุก "วิโรจน์ นวลแข" อดีตเอ็มดีแบงก์กรุงไทย 18 ปี ฐานปล่อยกู้แบงก์มิชอบ ขณะที่พนักงานฯโดนด้วยคนละ 12 ปี ต้องชดใช้กว่าหมื่นล้าน พร้อมสั่งออกหมายจับ "ทักษิณ"


ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 26 ส.ค. นายศิริชัย วัฒนโยธิน รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะ รวม 9 คน ได้นั่งบัลลังค์อ่านคำพิพากษาคดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หมายเลขดำ อม.3/2555 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี,กรรมการบริหาร,กรรมการสินเชื่อ, เจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัทเอกชน รวม 27 ราย เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, ความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502, ความผิด พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505, ความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และ ความผิด พ.ร.บ.บริษัท มหาชน จำกัด พ.ศ. 2535


วิโรจน์ นวลแข


โดยคำฟ้องสรุปพฤติการณ์ของจำเลยว่า ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้สินเชื่อกลุ่ม บมจ.กฤษดามหานคร ที่มีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร เนื่องจาก ผอ.ฝ่ายกลั่นกรองสินเชื่อธุรกิจนครหลวง เคยจัดอันดับความเสี่ยงของกลุ่มกฤษดามหานครในอันดับ 5 คือไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ได้ แต่ได้มีการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทในกลุ่มกฤษดามหานคร 3 กรณี คือ 1.การอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทอาร์เค โปรเฟสชั่นนัล จำกัด จำนวนเงิน 500 ล้านบาท

2.การอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทโกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด วงเงิน 9,900 ล้านบาท (วงเงินไฟแนนซ์ 8,000 ล้านบาท วงเงินซื้อที่ดินเพิ่ม 500 ล้านบาท และวงเงินพัฒนาโครงการ 1,400 ล้านบาท) และ 3.การอนุมัติขายหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพของ บมจ.กฤษดามหานคร ให้กับบริษัท แกรนด์ คอมพิวเตอร์คอมมูนิเคชั่น จำกัด จำนวนเงิน 1,185,735,380 บาท ถือว่าผู้เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์ ร่วมกันหรือสนับสนุนการกระทำความผิดกรณีธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐ เป็นการกระทำโดยทุจริต เพื่อฟื้นฟูกิจการของ บมจ.กฤษดามหานคร ประโยชน์ส่วนตนกับพวก

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ปรากฎว่าไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่จำเลยที่ 6-7 ซึ่งจำเลยที่ 18-20 รวมทั้งบริษัทในกลุ่มต่างอยู่ในสภาพมีหนี้สินจำนวนมาก ไม่มีรายได้ต่อเนื่องกันหลายปี ทำให้มีดอกเบี้ยค้างชำระเพิ่มพูนขึ้น เกินการขาดทุนสะสมทำให้ฐานะการเงินไม่มั่นคง และเกินความน่าเชื่อว่าจะชำระหนี้ได้ ซึ่งต้องห้ามมิให้สินเชื่อตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยและประกาศของธนาคารกรุงไทย การที่จำเลยที่ 5-17 อนุมัติสินเชื่อให้แก่บริษัทจำเลยที่ 18 และจำเลยที่ 2-5 และจำเลยที่ 8-17 ซึ่งเป็นกรรมการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารกรุงไทยได้ร่วมกันอนุมัติสินเชื่อให้แก่บริษัทจำเลยที่ 19 จึงเป็นการไม่ชอบ นอกจากนี้การที่จำเลยที่ 2-4 อนุมัติขายหุ้นบุริมสิทธิ โดยไม่วิเคราะห์สินเชื่อของบริษัทจำเลยที่ 22 ทำให้ธนาคารกรุงไทยไม่ได้รับเงินค่าชำระหุ้น จนทำให้เกิดความเสียหาย จำเลยที่ 2-4 จึงมีความผิดตามฟ้อง

พิพากษาว่านายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำเลย 3 กับพวกจำเลยที่ 2,4 และ 12 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ม.4 ให้จำคุกจำเลยทั้งสี่ไว้คนละ 18 ปี ส่วนจำเลยที่ 5,8-11,13-17 ซึ่งเป็นพนักงานของธนาคารกรุงไทย ผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ม.4 จำคุกจำเลยทั้ง 10 คนในส่วนนี้ คนละ 12 ปี สำหรับนายวิชัย กฤษดาธานนท์ เจ้าของโครงการหมู่บ้านกฤษดามหานคร จำเลยที่ 25 และจำเลยที่ 18-27 ซึ่งนิติบุคคล และผู้บริหารบริษัทในเครือกฤษดานคร มีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 โดยให้ปรับจำเลยที่ 18-22 ซึ่งเป็นนิติบุคคล รายละ 26,000 บาท และให้จำเลยที่ 23-27 คนละ 12 ปี และให้จำเลยที่ 20,25 และ 26 รวมกันคืนเงิน 10,004,467,480 บาท แก่ธนาคารกรุงไทย ผู้เสียหาย


วิโรจน์ นวลแข


นอกจากนี้ให้นายวิโรจน์ จำเลยที่ 3, 22 และจำเลยที่ 27 ร่วมรับผิด 9,554,467,480 บาท และให้จำเลยที่ 12-17, 21, 23 และ 24 ร่วมรับผิดจำนวน 8,818,732,100 บาท ส่วนจำเลยที่ 18 รวมรับผิด 450 ล้านบาท และจำเลยที่ 2, 4, 5 และ 8-11 และ 19 ร่วมรับผิดจำนวน 8,368,732,100 บาทหากจำเลยที่ 18-22 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 6-7

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษาญาติจำเลยมีอาการโศกเศร้า บางรายถึงกับร้องไห้ออกมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำรถเรือนจำมารับจำเลยเพื่อไปควบคุมตัวต่อที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป

สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 1 หลบหนีคดี ศาลฎีกาฯจึงให้ออกหมายจับ ติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดี โดยให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของพ.ต.ท.ทักษิณไว้เป็นการชั่วคราวก่อน จนกว่าจะได้ตัวมา


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.dailynews.co.th/crime/344135

เครื่องวัดความดัน กับการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง

เครื่องวัดความดัน


การรักษาความดันโลหิตสูงคือการรักษาให้ความดันโลหิตมีค่าต่ำกว่า 140/90มม.ปรอท โดยค่านี้วัดได้จาก เครื่องวัดความดัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับอวัยวะที่สำคัญ คือ หัวใจ ตา ไต และสมอง


การรักษาความดันโลหิตสูง แบ่งใหญ่ ๆ ได้ 2 วิธี คือ

  1. การรักษาโดยไม่ใช้ยา ได้แก่ ลดน้ำหนัก โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะอ้วน จำกัดเกลือหรืออาหารรสเค็ม โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการบวม ออกกำลังกายให้พอเหมาะกับสภาพของร่างกายแต่ละบุคคล อย่าออกกำลังกายมากเกินไป งดหรือลดการดื่มสุรา ไม่ควรดื่มสุราเกินวันละ 2 ออนซ์ หรือ 60 มล. ผ่อนคลายทั้งด้านร่างกายและจิตใจ พักผ่อนให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
  2. การรักษาโดยใช้ยา ผู้ป่วยจะได้รับยาลดความดันโลหิตสูงเมื่อการปฏิบัติตนโดยไม่ใช้ยาไม่สามารถควบคุมภาวะความดันโลหิตสูงได้ หรือผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูงมากตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รับการตรวจพบว่ามีความดันโลหิตสูง



การดูแลรักษาผู้ป่วยความดันโลหิตสูง

1. การดูแลผู้ป่วยความดันโลหิตสูงโดยทั่วไปมีดังนี้

แนะนำ ส่งเสริม และดูแลสุขภาพและหมั่นใช้  เครื่องวัดความดัน ตรวจเช็คโดยทั่วไป เพื่อป้องกันและควบคุมไม่ให้ประชาชนเกิดโรคความดันโลหิตสูง หรือถ้ามีความดันโลหิตสูงก็มีความรู้เพียงพอที่จะปฏิบัติตนให้ถูกต้องเหมาะสม เช่น ใช้ เครื่องวัดความดัน ตรวจวัดความดันโลหิตให้แก่ประชาชนที่มาตรวจร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ามีความดันโลหิตสูงหรือไม่ ตรวจหาปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความดันโลหิตสูงหรือโรคหัวใจ ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและการควบคุมโรคความดันโลหิตสูงแก่ประชาชน ได้แก่ กระตุ้นให้สนใจหาความรู้เกี่ยวกับความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ สร้างสุขนิสัยหรือมีพฤติกรรมป้องกันความดันโลหิตสูง ได้แก่อย่าให้อ้วน เพราะความอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดความดันโลหิตสูง ต้องสร้างสุขนิสัยไม่บริโภคมากเกินโดยเฉพาะการรับประทานเนื้อสัตว์ ไขมันอิ่มตัว และอาหารที่มีรสเค็มจัด ผู้บริโภคมังสวิรัติเป็นโรคความดันโลหิตสูงน้อยกว่าผู้บริโภคเนื้อสัตว์ จากการวิจัยพบว่าถ้าคนอ้วนลดน้ำหนักได้ 1 กิโลกรัม ความดันโลหิตจะลดลง 2.5มม.ปรอท ออกกำลังกายให้ถูกต้องเพียงพอโดยสม่ำเสมอ การฝึกจิตไม่ให้เครียดโดยการเจริญสติ เจริญสมาธิ มีความเมตตา ไม่โกรธหรือวู่วาม ช่วยลดการเป็นความดันโลหิตสูงได้ งดการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ทำให้หลอดเลือดหดรัดตัวทำให้หลอดเลือดตีบงดการดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์มาก ๆ ทำให้ความดันโลหิตสูง หัวใจวาย และเป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย

2. การดูแลผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเล็กน้อยถึงปานกลางซึ่งคนกลุ่มนี้จะรักษาตัวที่บ้านด้วยการปฏิบัติตัวให้เหมาะสมกับภาวะโรคโดยไม่ต้องใช้ยาหรือใช้ยาร่วมด้วย

2.1 ถ้าได้รับการรักษาโดยไม่ต้องใช้ยาจะได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติตนแนะนำให้มาตรวจร่างกายและใช้ เครื่องวัดความดัน วัดความดันโลหิตตามหลักการจัดระดับของความดันโลหิตสูง แบบ 4 ระดับ (Four stages) ซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจนถึงผู้สูงอายุ ดังนี้


เครื่องวัดความดัน


2.2  ถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยยา พยาบาลต้องอธิบายให้ผู้ป่วยตระหนักถึงการรับประทานยาและมารับยาไปรักษาโดยสม่ำเสมอ เพราะอาจต้องปรับขนาดของยาหรือเปลี่ยนชนิดของยาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยเฉพาะในช่วงแรกของการรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดพยาธิสภาพมากขึ้นโดยเฉพาะภาวะแทรกซ้อน ทั้งนี้ต้องให้ข้อมูลและใช้คำพูดที่เข้าใจง่าย รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดความวิตกกังวลกับผู้ป่วยจนเกินไป

3.  ถ้าผู้ป่วยที่ไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ หรือผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงรุนแรง จะต้องเข้ารับ การรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจทางห้องทดลองและการตรวจพิเศษ ได้แก่ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) การถ่ายภาพรังสีทรวงอก (chest x-ray) เจาะเลือดเพื่อตรวจหาค่า BUN, creatinineเพื่อประเมินหน้าที่ของไต ตรวจหา cholesterol และtriglyceride เพื่อประเมินการเกิดภาวะตีบตันของหลอดเลือด และการตรวจเพื่อหาสาเหตุของความดันโลหิตสูง ได้แก่ electrolyte ระดับน้ำตาลในเลือด และตรวจปัสสาวะ

4. การดูแลผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงรุนแรง มีดังนี้
ใช้ เครื่องวัดความดัน วัดความดันโลหิตทุก 1-2 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านี้ตามความจำเป็น ให้ยาลดความดันโลหิตทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา ซึ่งยาจะลดความดันโลหิตเร็วมาก จึงอาจต้องใช้ เครื่องวัดความดัน วัดความดันโลหิตทุก 5 นาที และตรวจวัดสัญญาณชีพเพื่อประเมินการรักษาด้วยยา  ตรวจร่างกาย เน้นระบบประสาท ได้แก่ ประเมินระดับความรู้สึก โดยดูจากขนาดและปฏิกิริยาต่อแสงของรูม่านตา การเคลื่อนไหวของแขน ขา ตรวจปฏิกิริยาตอบสนองของกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ ตรวจหัวใจ ปอด และไต เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากความดันโลหิตสูงรุนแรง เช่น ปอดบวม (pulmonary edema) หัวใจวาย หัวใจขาดเลือด และไตวาย เป็นต้น

ประเมินอาการปวดศีรษะว่ามีหรือไม่ มีอาการตั้งแต่เมื่อไร อะไรเป็นสาเหตุส่งเสริม เพื่อพิจารณาให้การแก้ไข เช่น แก้ไขภาวะเครียดโดยการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด พูดคุย ตอบข้อซักถามด้วยความเต็มใจ จัดสภาพแวดล้อมให้เงียบสงบ วางแผนร่วมกับผู้ป่วยในการดูแลจิตใจให้สงบ ให้ญาติหรือผู้ใกล้ชิดช่วยร่วมวางแผนการดูแลผู้ป่วยโดยเฉพาะการช่วยเหลือให้กำลังใจแก่ผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยมีความวิตกกังวลมาก อาจต้องใช้ยากล่อมประสาทตามแผนการรักษา เป็นต้น

5. การดูแลผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงในระยะเรื้อรัง มีดังนี้
5.1 การควบคุมอาหารเค็ม อาหารไขมัน และอาหารที่ให้พลังงานสูง กล่าวคือแนะนำให้ผู้ป่วยลดหรืองดรับประทานอาหารที่มีรสเค็ม เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว ไข่เค็ม ของหมักดอง อาหารรสเค็มต่างๆ อาหารกระป๋องซึ่งมักจะมีส่วนผสมของโซเดียม อาหารเคี้ยวกรอบที่มีรสเค็ม หลีกเลี่ยงการใช้สารอาหารและยาที่มีโซเดียมสูง ได้แก่ ผงชูรส (monosodium glutamate) รวมทั้งเครื่องปรุงรสของบะหมี่สำเร็จรูป ผงกันบูด(sodium benzoate) สารกันเชื้อราในขนมปัง (sodium propionate) สารใส่ไอศกรีมให้เหนียว (sodium alginate) ผงฟูในการทำเค้กหรือขนมปัง (sodium bicarbonate) สารใส่ผลไม้กระป๋องให้คงสีธรรมชาติ (sodium sulfite) ยาโซดามินท์ เป็นต้น เกลือ 1 กรัม มีโซเดียม 17.1 มิลลิอีควิวาเลนท์ และเกลือ 1 ช้อนชา มีโซเดียม 2.3 กรัม หรือ 100 มิลลิอีควิวาเลนท์ สำหรับอาหารที่รับประทานประจำวันโดยทั่วไปมีปริมาณเกลือ 10 – 20 กรัม จากปริมาณนี้ เกลือประมาณ 2/3 พบในอาหารตามธรรมชาติ ส่วนอีก 1/3 เป็นเกลือที่เพิ่มขึ้นจากการปรุงอาหาร จากการศึกษาพบว่าถ้าลดปริมาณการบริโภคเกลือจาก 10 กรัม ลงเหลือ 5 กรัมต่อวัน จะสามารถลดความดันโลหิตได้ถึง 10 มม.ปรอท ควบคุมอาหารไขมัน โดยใช้น้ำมันพืช น้ำมันพืชที่มีกรดไลโนลิอิคสูง เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพด น้ำมันรำข้าว เป็นต้น แต่ไม่ควรใช้น้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์มเพราะให้พลังงานสูง ไม่ควรใช้น้ำมันจากสัตว์เพราะเป็นไขมันชนิดอิ่มตัวมีสารโคเลสเตอรอลสูงชึ่งทำให้หลอดเลือดอุดตัน ควบคุมอาหารที่มีพลังงานสูง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำจากกะทิ หอยนางรม ไข่แดง อาหารที่มันมาก เช่น ข้าวขาหมู หนังเป็ด หนังไก่ หนังหมู มันกุ้ง มันปู โดยเฉพาะผู้ที่มี cholesterol สูง

ตัวอย่างอาหารที่เหมาะกับผู้ที่มรความดันโลหิตสูงThe  DASH  (Dietary  Approach  to  Stop  Hypertension)  Eating  Plan


เครื่องวัดความดัน


5.2 การออกกำลังกาย แนะนำให้ผู้ป่วยออกกำลังกายโดยสม่ำเสมอให้เหมาะสมกับสภาพหัวใจ หลอดเลือด สภาพร่างกาย และสภาพแวดล้อม เช่น การเดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ หรือแม้แต่การทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆ เป็นต้น ทั้งนี้ต้องระวังไม่ออกกำลังกายอย่างหักโหมหรือมากเกินไป เช่นการออกกำลังกายจนรู้สึกเหนื่อย การยก ผลัก ดึง แบก เข็น และหลีกเลี่ยงการแข่งขันเพราะทำให้เกิดความเครียด


การบริหารร่างกายสำหรับผู้มีความดันโลหิตสูง ควรปฏิบัติดังนี้

เดินไปมาในระยะ 1-2 กิโลเมตร หรือตามความเหมาะสมตามสุขภาพของร่างกาย
รำมวยจีน เล่นปิงปอง หรือสนุ๊กเกอร์
ห้ามวิ่งหรือยกของหนักๆ หรือเล่นกีฬาที่ออกกำลังกายมากๆ เช่น ตีเทนนิส หรือยกน้ำหนัก
แกว่งแขนทั้งสองข้างเบาๆ ไปข้างๆ ข้างหน้า ข้างหลัง และแกว่งรอบตัวตามความเหมาะสม การรักษาและการปฏิบัติตนสำหรับผู้มีความดันโลหิตต่ำ
ต้องบริหารร่างกายทุกวัน โดยการวิ่งเบาๆ กระโดดเชือก เล่นปิงปอง แบดมินตัน ว่ายน้ำหรือกีฬาเบาๆ ที่ชอบและถนัด
ถ้ามีอาการเวียนศีรษะบ่อยๆ ก็ขอยาบำรุงความดันโลหิตจากแพทย์ได้การออกกำลังการอย่างไรให้เหมาะสม ความถี่  อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์  หรือวันเว้นวัน ทำต่อเนื่องนาน 20 นาที ถึง 60 นาที ระดับความหนักที่เหมาะสม  ให้เหนื่อยพอสมควร  ยังพอพูดและคุยได้  อย่าให้เหนื่อยมากจนพูดไม่ออก สำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกาย  หรือออกกำลังไม่สม่ำเสมอ  ควรเริ่มต้นโดยการออกกำลังในระดับเบา  และค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาดังนี้
–  สัปดาห็ที่ 1 วันละ 1- 2ครั้ง  ครั้งละ10 โ€“ 15 นาที
–  สัปดาห็ที่ 2 วันละ 1- 2ครั้ง  ครั้งละ15 โ€“ 20 นาที
–  สัปดาห็ที่ 3 วันละ 1-2ครั้ง  ครั้งละ20 โ€“ 25 นาที
–  สัปดาห็ที่ 4 วันละ 1- 2ครั้ง  ครั้งละ25 โ€“ 30 นาที
ถ้าเริ่มออกกำลังกายต่อเนื่องได้นาน 30 นาที ครั้งต่อไปให้เริ่มออกกำลังในระดับที่หนักขึ้น
–   หลังสัปดาห์ที่ 5- 6 ค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาจนได้30 โ€“ 60 นาที ทำวันละ 1 รอบ หรือวันเว้นวัน


ขั้นตอนการออกกำลังกาย

เริ่มต้นด้วยการเหยียดยืดกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
เริ่มออกกำลังกายเบา ๆ 5 -10 นาที
เมื่อออกกำลังกายเบา ๆ ครบ 5- 10นาที ให้ออกกำลังกายหนักขึ้นจนรู้สึกเหนื่อยพอสมควร
เมื่อออกกำลังกายต่อเนื่องครบตามเวลาที่ตั้งเป้าไว้ให้ออกกำลังเบาลง 5- 10นาที  จึงหยุดออกกำลังกาย
จบด้วยการเหยียดยืดกล้ามเนื้ออีกครั้ง
ถ้าท่านต้องการออกกำลังกายให้หนักมากขึ้นควรปรึกษาแพทย์  เพราะการออกกำลังกายหนักเกินไป  อาจทำให้ความดันโลหิตสูงจนเกิดอันตรายได้  การออกกำลังกายแบบยกน้ำหนักกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยกน้ำหนักจะมีการเกร็งตัวมาก  ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้  ถ้าท่านต้องการออกกำลังกายประเภทนี้  ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ว่าท่านทำได้อย่างปลอดภัยหรือไม่  และควรใช้น้ำหนักเท่าไรก่อนเริ่มออกกำลังด้วยตนเอง  โดยทั่วไปควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างสม่ำเสมอระยะหนึ่งก่อน  จึงเริ่มยกน้ำหนักได้ขณะออกกำลังควรทำช้า ๆ ขณะที่เกร็งกล้ามเนื้อให้หายใจออกจังหวะที่คลายกล้ามเนื้อให้หายใจ  เข้า -ออก  อย่ากลั้นหายใจ  ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อยมาก  เวียนศีรษะ  เจ็บหน้าอก  ให้หยุดออกกำลังกายและปรึกษาแพทย์
5.3 แนะนำให้ผู้ป่วยงดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่ที่ผู้อื่นสูบด้วย เพราะนิโคติน (nicotine) ในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดหดรัดตัวซึ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
5.4 แนะนำให้ผู้ป่วยงดดื่มสุรา เพราะแอลกอฮอล์จะเพิ่ม renin หรือ aldosterone ซึ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
5.5 แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงภาวะเครียดซึ่งจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ควรทำจิตใจให้ แจ่มใส หาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่นการออกกำลังกาย เทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การนั่งสมาธิ การพักผ่อนให้เพียงพอโดยเฉพาะการนอนหลับให้สนิท ถ้ามีปัญหาหรือมีความเครียดสูงอาจต้องปรึกษานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ ซึ่งอาจปรึกษาทางโทรศัพท์ก็ได้ หรืออาจใช้เครื่องมือให้ข้อมูลป้อนกลับ(Bio feedback) ข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยทราบกลไกที่เกิดขึ้นในร่างกายได้ด้วยตนเอง จากการวิจัยพบว่าวิธีนี้ช่วยลดความดันโลหิตได้
5.6 แนะนำเกี่ยวกับการรับประทานยา ได้แก่


ยาลดความดันโลหิตสูง

ยาลดความดันโลหิตสูงแบ่งออกได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ 5 กลุ่มซึ่งมีกลไกการออกฤทธิ์แตกต่างกัน ยาในแต่ละกลุ่มมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาเลือกใช้ตามความเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย ยาทั้ง 5 กลุ่มได้แก่

1 ยาขับปัสสาวะ  (Diuretics) เป็นยาที่ได้รับความนิยมสูงในการรักษาความดันโลหิตสูงที่ไม่รุนแรง ตลอดจนเป็นยาที่ใช้ร่วมกับยากลุ่มอื่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมความดันได้เป็นอย่างดี ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ในการควบคุมความดันได้ดีที่ขนาดยาต่ำๆ ทั้งนี้การเพิ่มขนาดยาให้สูงขึ้นไม่ทำให้ผลการรักษาดีขึ้น แต่จะเพิ่มอาการไม่พึงประสงค์ของยาเช่นทำให้ระดับกรดยูริคหรือระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น และผลที่สำคัญคือการทำให้ระดับโปตัสเซี่ยมต่ำที่อาจก่อให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะขึ้นได้

2 Beta-blockersใช้รักษาความดันโลหิตสูงทุกระดับความรุนแรง สามารถใช้ได้ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มี angina, post-myocardial infarction, tachyarrthymiaผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่มี nephropathy ยาในกลุ่มนี้นอกจากลดความดันแล้ว จะมีฤทธิ์กดการทำงานของหัวใจ จึงห้ามใช้ผู้ที่มี second หรือ third degree heart block รวมทั้งห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคหอบหืด นอกจากนี้ยากลุ่มนี้อาจทำให้เกิดอาการมือเท้าเย็น นอนไม่หลับ ฝันร้าย  ผู้ป่วยอาจรู้สึกเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า บางรายอาจเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้
ยากลุ่ม beta-blockers ยังมีผลทำให้เกิด glucose tolerance และไขมันในเลือดสูง ดังนั้นในผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ป่วยที่มีไขมันในเลือดสูงที่ใช้ beta-blockers จึงต้องระวังผลดังกล่าวด้วย

3 Calcium channel blockers ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์เป็นยาขยายหลอดเลือดทำให้สามารถลดความดันโลหิตได้ แต่ยาในกลุ่มนี้แต่ละตัวอาจมีผลต่อการทำงานของหัวใจต่างกัน เช่น nifedipine, amlodipine, felodipine จะเพิ่มอัตราเต้นของหัวใจ แต่บางตัวเช่น verapamil, diltiazemลดอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งความแตกต่างนี้จะใช้เป็นสิ่งที่ช่วยพิจารณาในการเลือกใช้ยาสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน ผลข้างเคียงที่พบบ่อยของยาในกลุ่มนี้คือ เท้าบวม ปวดศีรษะ หน้าแดง nifedipine เป็นยาที่ได้รับความนิยมและมีผลข้างเคียงไม่มากนัก แต่ส่วน verapamil, diltiazem อาจทำให้เกิดอาการท้องผูก และ เกิด heart block ได้จึงไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว

4  Angiotensin converting enzyme inhibitors (ACEI)  และ Angiotensin II receptor antagonists (AII antagonists)
4.1ACEI ยาในกลุ่มนี้เป็นยากลุ่มที่ได้รับความนิยมมากกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากประสิทธิภาพที่ดีในการลดความดัน และมีผลในการป้องกันการเกิดภาวะหัวใจโต ตลอดจนยังมีผลดีต่อไตและหลอดเลือดที่ไตจึงสามารถใช้ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีความดันโลหิตสูงและผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะโรคไตร่วมด้วย ผลข้างเคียงที่พบบ่อยของยาในกลุ่มนี้คืออาการไอแห้งๆโดยเฉพาะในสตรีและผู้สูงอายุ อาการอื่นเช่นการรับรสเฝื่อนไป ระดับโปตัสเซี่ยมสูง ความดันโลหิตต่ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ยาเป็นครั้งแรกซึ่งต้องระวังอย่างมากในผู้ที่ได้รับยาขับปัสสาวะปริมาณสูงหรือผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว ยานี้มีข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดที่ไตตีบเพราะจะทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้ นอกจากนี้ยังห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์เพราะมีความเสี่ยงจะทำให้ทารกผิดปกติและมีความดันโลหิตลดลง
4.2 AII antagonistsยาในกลุ่มนี้ให้ผลในการรักษาและอาการข้างเคียงจะคล้ายคลึงกับการใช้ ACEI แต่ไม่เกิดอาการไอเหมือนกับผู้ใช้  ACEI

5. Alpha-blockers ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์เป็นยาขยายหลอดเลือด อาการข้างเคียงที่สำคัญจากการใช้ยาในกลุ่มนี้คือทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่า รวมทั้งอาการปวดศีรษะและอ่อนเพลียซึ่งเป็นอาการที่พบได้ในการใช้ยาลดความดันโลหิตทั่วไป ยาในกลุ่มนี้มีข้อดีคือไม่มีผลข้างเคียงทาง metabolic และระดับไขมัน แต่อย่างไรก็ตามผลทางคลินิกของยากลุ่มนี้กลับไม่ดีนัก ในปัจจุบันยากลุ่มนี้ไม่เป็นที่นิยมใช้มากนักในการควบคุมความดันโลหิต แต่ยังมีที่ใช้บ้างในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของไขมัน หรือในผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต

สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยาลดความดันโลหิตสูงในระยะแรก ๆ ผู้ป่วยที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยนชนิดของยา ต้องแนะนำให้ผู้ป่วยเปลี่ยนท่าช้า ๆ จากนอนเป็นนั่งหรือจากนั่งเป็นยืน ระวังอาการหน้ามืด เป็นลมล้มลง เนื่องจากความดันโลหิตลดต่ำลงมากหรือเร็วเกินไป ดังนั้นผู้ป่วยควรเริ่มได้รับยาลดความดันโลหิตในขนาดต่ำ ๆ ก่อนในระยะแรก ให้รับประทานยาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอเพราะโรคนี้รักษาไม่หายขาด การรักษาอย่างสม่ำเสมอช่วยควบคุมภาวะโรคไม่ให้เป็นมากขึ้นหรือมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นน้อยหรือช้าที่สุด ไม่ซื้อยามารับประทานเอง การได้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพราะอาจต้องมีการปรับขนาดของยา อาจเปลี่ยนยาเพื่อเลี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงของยา ควรบอกให้ผู้ป่วยทราบเกี่ยวกับยาและผลข้างเคียงของยาโดยสังเขป ถ้ามีอาการผิดปกติจากผลข้างเคียงของยาให้ผู้ป่วยรีบไปพบแพทย์ ไม่ควรหยุดยาเอง ควรไปตรวจตามนัดทุกครั้ง และนำยาที่มีทั้งหมดไปด้วย เพราะผู้ป่วยจะได้ยาตามระดับความรุนแรงของความดันโลหิต ถ้าผู้ป่วยได้รับยาขับปัสสาวะ (diuretic) ในกลุ่ม Thiazide ซึ่งมักจะเป็นยาตัวแรกในการรักษาความดันโลหิตสูง เนื่องจากราคาถูกและมีประสิทธิภาพในการรักษาดี แต่มีผลข้างเคียงทำให้โปแตสเซี่ยมต่ำ และจะต้องระวังมากยิ่งขึ้นถ้าผู้ป่วยได้ยา Digitalis ร่วมด้วย ควรแนะนำให้ผู้ป่วยลดการรับประทานอาหารที่มีรสเค็ม และรับประทานอาหารที่มีโปแตสเซี่ยม เช่น ผลไม้ โดยเฉพาะกล้วย ส้ม เป็นต้น ถ้าผู้ป่วยได้รับยาที่ทำให้ง่วงได้ เช่น Clonidine,Methyldopaเป็นต้น ควรแนะนำให้หลีกเลี่ยงการขับรถ การทำงานที่อาจเกิดอันตรายได้จากความง่วง

5.7 แนะนำการใช้ เครื่องวัดความดัน วัดความดันโลหิตให้กับผู้ป่วยหรือผู้ดูแล (care giver) เพื่อประเมินผลการรักษาและพยาธิสภาพของผู้ป่วย การใช้ เครื่องวัดความดัน วัดความดันโลหิตที่บ้านจะได้ค่าที่เที่ยงตรงมากขึ้นเนื่องจากอยู่ในภาวะผ่อนคลายมากกว่า


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://kmhealth.bcnsurat.ac.th/?p=71