วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
แนะ 6 วิธีปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยงเป็น "โรคความดันโลหิตสูง"
โรคความดันโลหิตสูง จัดเป็นภัยซ่อนเร้นที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ตามมามากมาย เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหัวใจล้มเหลว โรคไตวาย และโรคอัมพาต ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีอาการจนกว่าจะเกิดโรคแทรกซ้อนเหล่านี้
การตรวจวัดด้วย เครื่องวัดความดัน สม่ำเสมอจะช่วยวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงระยะเริ่มแรก และการควบคุมความดันโลหิตให้ได้ถึงเกณฑ์ปกติตั้งแต่เริ่มวินิจฉัยจะช่วยให้ไม่เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ด้วย
นอกจากนี้การปรับพฤติกรรมความเคยชินบางอย่างในชีวิตประจำวันก็เป็นอีกวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้ห่างไกลจากโรคความดันโลหิตสูงได้เช่นกัน
ทั้งนี้ความดันโลหิตสูง หมายถึง แรงดันของเลือดที่กระทำต่อผนังหลอดเลือด ซึ่งจะมีค่ามากหรือน้อยขึ้นกับแรงบีบตัวของหัวใจของแต่ละคน ค่าความดันโลหิตที่วัดจาก เครื่องวัดความดัน จะมี 2 ค่า คือ ความดันโลหิตตัวบน คือ แรงดันขณะหัวใจบีบตัว และความดันโลหิตตัวล่าง คือ แรงดันหัวใจขณะคลายตัว
สำหรับค่าความดันโลหิตที่ปกติคือความดันโลหิตตัวบน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 120 มม.ปรอท และความดันโลหิตตัวล่างน้อยกว่าหรือเท่ากับ 80 มม.ปรอท
แต่ถ้าวัดความดันโลหิตด้วย เครื่องวัดความดัน ตัวบนได้มากกว่า 120 มม.ปรอท แต่ไม่เกิน 139 มม.ปรอท และ/หรือความดันโลหิตตัวล่างมากกว่า 80 มม.ปรอท แต่ไม่เกิน 89 มม.ปรอท จะเรียกว่าเป็นภาวะก่อนเกิดความดันโลหิตสูง
ถ้าวัดความดันโลหิตด้วย เครื่องวัดความดัน ตัวบนได้มากกว่า 140 มม.ปรอทขึ้นไป และ/หรือความดันโลหิตตัวล่างมากกว่า 90 มม.ปรอท จะเรียกว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง
ส่วนใหญ่ความดันโลหิตสูงมักจะไม่มีอาการ อาจตรวจพบโดยบังเอิญขณะไปตรวจรักษาโรคอย่างอื่น แต่ผู้ป่วยบางรายที่มีความดันโลหิตสูงมากๆ มักมีอาการปวดทั่วศีรษะ ปวดที่ท้ายทอย หรือวิงเวียนศีรษะร่วมด้วยได้ และผู้ป่วยบางส่วนที่มีภาวะความดันโลหิตสูงนานๆ อาจมาด้วยภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูงได้ เช่น อาการหัวใจวายเฉียบพลัน, ไตวาย, เส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบ
การรักษาโรคความดันโลหิตสูงที่เริ่มเป็นหรือระดับความดันโลหิตยังสูงไม่มาก จะเน้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งถ้าหากผู้ป่วยสามารถปฏิบัติได้อย่างสม่ำเสมอจะทำให้ความดันโลหิตกลับมาอยู่ในระดับปกติได้ (ความดันโลหิตไม่เกิน 140/90 มม.ปรอท) โดยไม่ต้องอาศัยการรับประทานยา นอกจากนี้ยังมีหลักการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความดันโลหิตสูงง่ายๆ
1.ลดน้ำหนัก: ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่น้ำหนักเกิน หรืออ้วน การลดน้ำหนักลงจะได้ประโยชน์ในการลดความดันโลหิตมาก การลดน้ำหนักลง 10 กก. จะลดความดันโลหิตได้ 5-20 มม.ปรอท ความจริงแล้วผลดีอื่นๆ ที่ได้จากการลดน้ำหนักมีมากกว่าการลดความดันโลหิต เช่น ป้องกันการเกิดเบาหวาน ภาวะหัวใจล้มเหลว ข้อเข่าเสื่อม เป็นต้น ควรควบคุมไม่ให้ดัชนีมวลกาย (BMI) เกิน 24 กก./ตร.ม. (ดัชนีมวลกาย = น้ำหนักตัว (กก.)/ส่วนสูง (เมตร)2)
2.หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม: เมื่อได้รับ "เกลือ" หรืออาหารรสเค็มต่างๆ ร่างกายจะดูดน้ำกลับเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น เป็นผลให้ปริมาณสารน้ำในร่างกายสูงขึ้น ความดันโลหิตจะสูงขึ้นและควบคุมได้ยาก ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็ม โดยไม่เติมเกลือ น้ำปลา หรือซีอิ๊วในอาหารอีก นอกจากนั้นควรงดผงชูรสหรืออาหารที่มีผงชูรสอยู่มากด้วย เนื่องจากผงชูรสมีเกลือโซเดียมเช่นกัน ไม่แนะนำให้ใช้เกลือเทียม เช่น เกลือโพแทสเซียมแทนเกลือแกง เนื่องจากอาจเป็นอันตรายได้ในผู้ป่วยที่มีไตเสื่อม อาหารที่แนะนำนอกจากจะไม่เค็มแล้วควรจะเป็นอาหารที่พลังงานต่ำ และมีไขมันจากสัตว์น้อย เพิ่มการรับประทานปลาแทนเนื้อหรือหมู และหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูงต่างๆ ขนมหวาน เน้นผักและผลไม้ที่ไม่หวานจัดแทน
3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็วๆ วิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน ครั้งละ 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์ นอกจากจะช่วยลดความดันโลหิตลงบ้างแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ควบคุมน้ำหนักได้ง่าย ไขมันคอเรสเตอรอลชนิดดีเพิ่มขึ้น จิตใจแจ่มใส สำหรับผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงมาก หรือผู้สูงอายุ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มออกกำลังกาย หากท่านไม่สามารถจัดเวลาเพื่อออกกำลังกายได้ แนะนำให้ทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ท่านทำอยู่แล้วแทน เช่น ใช้การเดินขึ้นบันไดแทนลิฟต์ เดินไปตลาดหรือทำงานบ้านด้วยตนเอง
4.งดบุหรี่: การสูบบุหรี่มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นชั่วขณะ แม้ว่าการเลิกบุหรี่อาจไม่มีผลลดความดันโลหิตในระยะยาว แต่ไม่สูบบุหรี่จะช่วยลดอุบัติการณ์ของโรคหัวใจ ถุงลมโป่งพอง มะเร็งอีกหลายชนิด และยังเป็นผลดีต่อสุขภาพของคนใกล้ชิดอีกด้วย
5.ลดแอลกอฮอล์: แม้ว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณน้อยๆ อาจช่วยเพิ่มไขมันคอเรสเตอรอลชนิดดีได้บ้าง แต่ไม่แนะนำให้ดื่ม เนื่องจากผลเสียของการดื่มแอลกอฮอล์มีมากกว่าผลดีมาก อย่าเชื่อโฆษณาที่แนะนำให้ดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ หากท่านดื่มอยู่แล้วก็ควรจำกัดปริมาณให้น้อยกว่าวันละ 2 แก้ว
6.ลดความเครียด: เราไม่ควรเคร่งเครียดตลอดเวลา เพราะความเครียดถือเป็นอีกหนึ่งตัวเร่งที่ทำให้ความดันโลหิตพุ่งสูงขึ้นได้ ยิ่งในภาวะอากาศร้อนเช่นปัจจุบันอาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้หลายๆ คนเกิดความเครียด หงุดหงิด แนะนำให้ปล่อยวาง หากิจกรรม หางานอดิเรกที่เราชอบทำ เล่นกีฬา หรือทำสมาธิ พยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ
ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.มงคล จิรสถาพร อายุรแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพค่ะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thaiemsinfo.com/autopagev4/show_page.php?topic_id=627&auto_id=7&TopicPk=
ป้ายกำกับ:
เครื่องวัดความดัน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น